คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเพลงบางเพลงถึงฟังแล้วรู้สึกเศร้า เมโลดี้บางท่อนถึงให้ความรู้สึกสดใส หรือทำไมฮาร์โมนีบางชุดถึงฟังแล้วรู้สึกขลัง คำตอบส่วนหนึ่งอยู่ที่ โหมดทางดนตรี (Musical Modes) นั่นเอง
โหมดคืออะไร?
โหมดทางดนตรีก็คือรูปแบบหนึ่งของบันไดเสียง (Scale) ที่เราคุ้นเคยกันดี แต่มีการจัดเรียงโน้ตในลำดับที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เกิดสีสันและอารมณ์ที่หลากหลายขึ้นมา โหมดแต่ละโหมดจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถนำมาใช้สร้างสรรค์เพลงได้หลากหลายแนว
ทำไมต้องเรียนรู้โหมด?
- ขยายขอบเขตทางดนตรี: การเรียนรู้โหมดจะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์เมโลดี้และฮาร์โมนีที่หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดอยู่แค่เพียงสเกลเมเจอร์และไมเนอร์
- เข้าใจทฤษฎีดนตรีลึกซึ้งยิ่งขึ้น: การทำความเข้าใจโหมดจะช่วยให้คุณเข้าใจโครงสร้างของเพลงได้ดีขึ้น และสามารถวิเคราะห์เพลงต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พัฒนาฝีมือการแต่งเพลง: การเลือกใช้โหมดที่เหมาะสมจะช่วยให้เพลงของคุณมีความน่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น
โหมดทั้ง 7 ที่สำคัญ
โดยทั่วไปแล้ว โหมดที่เราพบเจอบ่อยที่สุดจะมีทั้งหมด 7 โหมด ซึ่งได้มาจากการนำสเกลเมเจอร์มาจัดเรียงใหม่ โดยเริ่มต้นที่โน้ตตัวที่ต่างกันออกไป แต่ละโหมดจะมีลักษณะเด่นดังนี้
- Ionian (ไอโอเนียน): โหมดนี้ก็คือสเกลเมเจอร์นั่นเอง ให้ความรู้สึกสดใสและมีความสุข
- Dorian (ดอเรียน): ให้ความรู้สึกเศร้าแต่มีเสน่ห์ เป็นที่นิยมใช้ในเพลงแจ๊สและบลูส์
- Phrygian (ฟริเจียน): ให้ความรู้สึกลึกลับและน่าค้นหา มักใช้ในเพลงแนวโอเรียนทัล
- Lydian (ลิเดียน): ให้ความรู้สึกสดใสและแจ่มใส มีความสว่างไสว
- Mixolydian (มิกโซไลเดียน): ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง มักใช้ในเพลงร็อกและคันทรี
- Aeolian (เอโอเลียน): โหมดนี้ก็คือสเกลไมเนอร์ธรรมดา ให้ความรู้สึกเศร้าและหม่นหมอง
- Locrian (โลเครียน): ให้ความรู้สึกมืดมนและน่ากลัว ไม่ค่อยนิยมใช้เป็นสเกลหลักในการแต่งเพลง
โครงสร้างของโหมด
โครงสร้างของโหมดแต่ละโหมดจะแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างโน้ตแต่ละตัวในสเกล เช่น โหมดเมเจอร์จะมีโครงสร้างเป็น W-W-H-W-W-W-H (W = whole step, H = half step) ซึ่งหมายความว่าระยะห่างระหว่างโน้ตตัวแรกกับตัวที่สองจะเป็นหนึ่งขั้น (whole step) และระยะห่างระหว่างโน้ตตัวที่สามกับตัวที่สี่จะเป็นครึ่งขั้น (half step) เป็นต้น
การนำโหมดไปใช้ในการแต่งเพลง
การนำโหมดไปใช้ในการแต่งเพลงนั้นมีหลายวิธี เช่น
- สร้างเมโลดี้: เลือกโน้ตจากโหมดที่ต้องการมาสร้างเมโลดี้
- สร้างฮาร์โมนี: สร้างคอร์ดโดยใช้โน้ตจากโหมดที่เลือก
- สร้างโปรเกรสชั่น: สร้างลำดับของคอร์ดโดยใช้โหมดต่างๆ ผสมกัน
ตัวอย่างการใช้โหมด
- เพลงแจ๊ส: มักใช้โหมด Dorian และ Phrygian เพื่อสร้างความรู้สึกที่ซับซ้อนและน่าสนใจ
- เพลงบลูส์: มักใช้โหมด Mixolydian เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง
- เพลงร็อก: มักใช้โหมด Mixolydian และ Aeolian เพื่อสร้างความรู้สึกหนักแน่นและทรงพลัง
โหมดทางดนตรีเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างสรรค์เพลงที่หลากหลาย การทำความเข้าใจโหมดจะช่วยให้คุณสามารถขยายขอบเขตทางดนตรีของคุณ และสร้างสรรค์เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณเองได้
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ฝึกเล่นสเกลและโหมด: การฝึกเล่นสเกลและโหมดเป็นประจำจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับเสียงของแต่ละโหมดและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการแต่งเพลงได้ง่ายขึ้น
- ลองสร้างเพลงโดยใช้โหมดต่างๆ: การลองผิดลองถูกเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้และพัฒนาฝีมือ
- ฟังเพลงจากศิลปินที่คุณชื่นชอบ: พยายามฟังเพลงและวิเคราะห์ว่าศิลปินคนนั้นใช้โหมดอะไรในการแต่งเพลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น