Lydian Mode: โหมดแห่งความสดใสที่คุณต้องรู้จัก
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ Phrygian Mode ไปแล้ว คราวนี้เราจะมาเจาะลึกอีกหนึ่งโหมดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั่นคือ Lydian Mode ซึ่งเป็นโหมดที่ให้ความรู้สึกสดใสและแจ่มใส โหมดนี้มักถูกนำไปใช้ในเพลงแจ๊สและเพลงคลาสสิก
Lydian Mode คืออะไร?
Lydian Mode เป็นรูปแบบหนึ่งของบันไดเสียงที่ได้มาจากการนำสเกลเมเจอร์มาจัดเรียงใหม่ โดยเริ่มต้นที่โน้ตตัวที่ 4 ของสเกลเมเจอร์ ตัวอย่างเช่น ในสเกล C Major ถ้าเราเริ่มต้นที่โน้ต F เราก็จะได้ F Lydian โครงสร้างของ Lydian Mode จะเป็น W-W-H-W-W-W-H (W = whole step, H = half step) ซึ่งแตกต่างจาก Ionian Mode ตรงที่มี whole step เพิ่มเติมที่ตำแหน่งที่ 4
ทำไม Lydian Mode ถึงน่าสนใจ?
- ให้ความรู้สึกสดใสและแจ่มใส: Lydian Mode มักจะให้ความรู้สึกที่สดใสและแจ่มใส เนื่องจากมี whole step เพิ่มเติมที่ตำแหน่งที่ 4 ทำให้เกิดความรู้สึกที่เปิดกว้างและกว้างใหญ่
- นิยมใช้ในเพลงแจ๊สและเพลงคลาสสิก: Lydian Mode เป็นที่นิยมใช้ในเพลงแจ๊สเพื่อสร้างความรู้สึกที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา และในเพลงคลาสสิกเพื่อสร้างบรรยากาศที่งดงามและยิ่งใหญ่
- เข้ากันได้ดีกับคอร์ดเมเจอร์: Lydian Mode เข้ากันได้ดีกับคอร์ดเมเจอร์ ทำให้สามารถสร้างความหลากหลายในการแต่งเพลงได้มากขึ้น
โครงสร้างของ Lydian Mode
โครงสร้างของ F Lydian ในคีย์ C คือ F G A B C D E F
การนำ Lydian Mode ไปใช้
- การสร้างเมโลดี้: คุณสามารถสร้างเมโลดี้ที่ให้ความรู้สึกสดใสและแจ่มใสได้โดยใช้โน้ตจาก Lydian Mode
- การสร้างฮาร์โมนี: คุณสามารถสร้างคอร์ดที่เข้ากันได้ดีกับ Lydian Mode เช่น Fmaj7, G7, Am7, Bm7b5
- การโซโล่: Lydian Mode เป็นสเกลที่นิยมใช้ในการโซโล่กีตาร์ โดยเฉพาะในเพลงแจ๊สและฟิวชั่น
Lydian Mode กับคอร์ด
Lydian Mode เข้ากันได้ดีกับคอร์ดเมเจอร์ เช่น Fmaj7, Gmaj7, Amaj7 แต่ก็สามารถใช้กับคอร์ดไมเนอร์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะ Am7 ซึ่งจะสร้างความรู้สึกที่ซับซ้อนมากขึ้น
Lydian Mode กับการโซโล่กีตาร์
Lydian Mode เป็นสเกลที่ยอดเยี่ยมสำหรับการโซโล่กีตาร์ในแนวแจ๊สและฟิวชั่น คุณสามารถใช้ Lydian Mode เพื่อสร้างโซโล่ที่ไพเราะและมีชีวิตชีวา
เทคนิคการประยุกต์ใช้ Lydian Mode
- การใช้เทคนิคการเล่นต่างๆ: คุณสามารถใช้เทคนิคการเล่นกีตาร์ต่างๆ เช่น Legato, Hammer On, Pull Off, การดันสายกีต้าร์ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับการโซโล่ของคุณ
- การเปลี่ยนแปลงคีย์: คุณสามารถเปลี่ยนแปลงคีย์ของ Lydian Mode เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับเพลงของคุณ
- การผสมผสานกับสเกลอื่นๆ: คุณสามารถผสมผสาน Lydian Mode กับสเกลอื่นๆ เช่น Ionian Mode หรือ Mixolydian Mode เพื่อสร้างสีสันที่แตกต่างออกไป
Lydian Mode เป็นโหมดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและให้ความรู้สึกที่สดใสและแจ่มใส การทำความเข้าใจ Lydian Mode จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์เพลงที่มีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น
ทำไมต้องรู้ว่าเพลงไหนใช้ Lydian Mode
- เพื่อความเข้าใจในดนตรีมากขึ้น: การรู้ว่าเพลงที่เราฟังใช้โหมดอะไร จะช่วยให้เราเข้าใจโครงสร้างของเพลงได้ดีขึ้น
- เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการแต่งเพลง: เราสามารถนำ Lydian Mode ไปประยุกต์ใช้ในการแต่งเพลงของเราได้
- เพื่อพัฒนาฝีมือการเล่นดนตรี: การฝึกเล่นเพลงที่ใช้ Lydian Mode จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับโหมดนี้มากขึ้น และสามารถนำไปใช้ในการเล่นดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
วิธีสังเกตว่าเพลงไหนใช้ Lydian Mode
- ฟังเมโลดี้: ลองสังเกตเมโลดี้ของเพลง ถ้ารู้สึกว่าเมโลดี้มีความรู้สึกสดใสและแจ่มใส มีการใช้โน้ตที่อยู่สูงกว่าโน้ตในสเกลเมเจอร์เล็กน้อย และมีการเน้นโน้ตตัวที่ 4 ของสเกล อาจเป็นไปได้ว่าเพลงนั้นใช้ Lydian Mode
- ฟังคอร์ด: ลองฟังคอร์ดที่ใช้ในเพลง ถ้ามีการใช้คอร์ดเมเจอร์เป็นหลัก และมีการใช้คอร์ดที่เพิ่มระดับ 4 เช่น Fmaj7 อาจเป็นไปได้ว่าเพลงนั้นใช้ Lydian Mode
- สังเกตการเล่นโซโล่: ถ้าการโซโล่กีตาร์มีการใช้โน้ตจาก Lydian Mode คุณจะรู้สึกได้ถึงความไหลลื่นและความต่อเนื่องของโน้ต โดยเฉพาะในช่วงที่เล่นโน้ตตัวที่ 4 ของสเกล
ตัวอย่างเพลงที่ใช้ Lydian Mode:
- เพลงแจ๊ซ: นักดนตรีแจ๊สหลายคนนิยมใช้ Lydian Mode ในการสร้าง Improvisation หรือการเล่นโซโล่ เพื่อสร้างความรู้สึกที่สดชื่นและมีชีวิตชีวา ตัวอย่างเช่น เพลงของ Miles Davis หรือ John Coltrane ในยุคที่พวกเขาเริ่มทดลองกับโหมดต่างๆ
- เพลงคลาสสิก: ในเพลงคลาสสิก โดยเฉพาะเพลงในยุคบาโรคและคลาสสิค Lydian Mode มักถูกนำมาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศที่งดงามและยิ่งใหญ่ ตัวอย่างเช่น ในบางบทเพลงของ Bach หรือ Mozart
- เพลงอิเล็กทรอนิกส์: ในเพลงอิเล็กทรอนิกส์แนว Progressive House หรือ Psytrance บางเพลง จะมีการใช้ Lydian Mode ในการสร้างเมโลดี้ที่ลอยและกว้างใหญ่ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ลึกลับและน่าค้นหา ตัวอย่างเช่น ในเพลงของศิลปินแนว Psytrance บางคน เช่น Ace Ventura หรือ Vini Vici
- เพลงร็อก: ในเพลงร็อกแนว Progressive Rock หรือ Alternative Rock บางเพลง ก็มีการใช้ Lydian Mode ในการสร้างท่อนโซโล่ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ทำให้เกิดความรู้สึกที่สดใสและมีพลัง ตัวอย่างเช่น ในเพลงของวง Porcupine Tree หรือวง Muse บางเพลง
ตัวอย่างเพลงที่ใช้ Lydian Mode:
"Giant Steps" โดย John Coltrane:
เพลงแจ๊สคลาสสิกที่ใช้ Lydian Mode อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในท่อนโซโล่ของ Coltrane ที่มีความซับซ้อนและแสดงให้เห็นถึงการใช้ Lydian Mode อย่างเต็มที่ เพลงนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรฐานของการใช้ Lydian Mode ในวงการแจ๊ส
"Shine On You Crazy Diamond" โดย Pink Floyd:
แม้ว่าเพลงนี้จะไม่ได้ใช้ Lydian Mode ตลอดทั้งเพลง แต่ในบางท่อน โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ จะมีการใช้ Lydian Mode เพื่อสร้างบรรยากาศที่กว้างใหญ่และลึกลับ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเพลงนี้
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ฝึกเล่น Lydian Mode เป็นประจำ: การฝึกเล่น Lydian Mode เป็นประจำจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับเสียงของโหมดนี้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการแต่งเพลงได้ง่ายขึ้น
- ลองสร้างเพลงโดยใช้ Lydian Mode: การลองผิดลองถูกเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้และพัฒนาฝีมือ
- ฟังเพลงแจ๊สและเพลงคลาสสิก: พยายามฟังเพลงแจ๊สและเพลงคลาสสิกเพื่อสังเกตการใช้ Lydian Mode ของนักดนตรีมืออาชีพ
บทความหน้าจะมาเจาะลึกเรื่อง โหมดที่ 5 คือ Mixolydian Mode (มิกโซไลเดียน โหมด) ว่านำไปใช้อย่างไร มีโครงสร้างอย่างไร ลองติดตามกันดูนะครับ
เครดิต :
John Coltrane Youtube Official
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น