Phrygian Mode: โหมดแห่งความลึกลับที่คุณต้องรู้จัก
หลังจากที่เราได้เจาะลึก Ionian Mode และ Dorian Mode ไปแล้ว คราวนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Phrygian Mode ซึ่งเป็นโหมดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและให้ความรู้สึกที่ลึกลับและน่าค้นหา โหมดนี้มักถูกนำไปใช้ในเพลงแนวร็อกและเพลงตะวันออกกลาง
Phrygian Mode คืออะไร?
Phrygian Mode เป็นรูปแบบหนึ่งของบันไดเสียงที่ได้มาจากการนำสเกลเมเจอร์มาจัดเรียงใหม่ โดยเริ่มต้นที่โน้ตตัวที่ 3 ของสเกลเมเจอร์ ตัวอย่างเช่น ในสเกล C Major ถ้าเราเริ่มต้นที่โน้ต E เราก็จะได้ E Phrygian โครงสร้างของ Phrygian Mode จะเป็น H-W-W-W-H-W-W (H = half step, W = whole step) ซึ่งแตกต่างจากโหมดอื่นๆ ตรงที่มี half step อยู่ที่ตำแหน่งแรก
ทำไม Phrygian Mode ถึงน่าสนใจ?
- ให้ความรู้สึกลึกลับและน่าค้นหา: Phrygian Mode มักจะให้ความรู้สึกที่ลึกลับและน่าค้นหา เนื่องจากมี half step อยู่ที่ตำแหน่งแรก ทำให้เกิดความตึงเครียดและความไม่สมดุล
- นิยมใช้ในเพลงร็อกและเพลงตะวันออกกลาง: Phrygian Mode เป็นที่นิยมใช้ในเพลงร็อกเพื่อสร้างบรรยากาศที่หนักแน่นและมืดมน และในเพลงตะวันออกกลางเพื่อสร้างความรู้สึกที่แปลกใหม่และมีเอกลักษณ์
- เข้ากันได้ดีกับคอร์ดไมเนอร์: Phrygian Mode เข้ากันได้ดีกับคอร์ดไมเนอร์ ทำให้สามารถสร้างความหลากหลายในการแต่งเพลงได้มากขึ้น
โครงสร้างของ Phrygian Mode
โครงสร้างของ E Phrygian ในคีย์ C คือ E F G A B C D
การนำ Phrygian Mode ไปใช้
- การสร้างเมโลดี้: คุณสามารถสร้างเมโลดี้ที่ให้ความรู้สึกลึกลับและน่าค้นหาได้โดยใช้โน้ตจาก Phrygian Mode
- การสร้างฮาร์โมนี: คุณสามารถสร้างคอร์ดที่เข้ากันได้ดีกับ Phrygian Mode เช่น Em7b5, G, Am7, Bm7b5
- การโซโล่: Phrygian Mode เป็นสเกลที่นิยมใช้ในการโซโล่กีตาร์ โดยเฉพาะในเพลงแนวร็อกและเมทัล
Phrygian Mode กับคอร์ด
Phrygian Mode เข้ากันได้ดีกับคอร์ดไมเนอร์ เช่น Em7b5, Gm7, Am7 แต่ก็สามารถใช้กับคอร์ดเมเจอร์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะ G ซึ่งจะสร้างความรู้สึกที่สดใสขึ้นมา
Phrygian Mode กับการโซโล่กีตาร์
Phrygian Mode เป็นสเกลที่ยอดเยี่ยมสำหรับการโซโล่กีตาร์ในแนวร็อกและเมทัล คุณสามารถใช้ Phrygian Mode เพื่อสร้างโซโล่ที่หนักแน่นและมีพลัง
เทคนิคการประยุกต์ใช้ Phrygian Mode
- การใช้เทคนิคการเล่นต่างๆ: คุณสามารถใช้เทคนิคการเล่นกีตาร์ต่างๆ เช่น Legato, Hammer On, Pull Off, การดันสายกีต้าร์ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับการโซโล่ของคุณ
- การเปลี่ยนแปลงคีย์: คุณสามารถเปลี่ยนแปลงคีย์ของ Phrygian Mode เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับเพลงของคุณ
- การผสมผสานกับสเกลอื่นๆ: คุณสามารถผสมผสาน Phrygian Mode กับสเกลอื่นๆ เช่น Dorian Mode หรือ Aeolian Mode เพื่อสร้างสีสันที่แตกต่างออกไป
ฟริเจียน โหมด เป็นโหมดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและให้ความรู้สึกที่ลึกลับและน่าค้นหา การทำความเข้าใจ Phrygian Mode จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์เพลงที่มีความหลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น
ทำไมต้องรู้ว่าเพลงไหนใช้ Phrygian Mode
- เพื่อความเข้าใจในดนตรีมากขึ้น: การรู้ว่าเพลงที่เราฟังใช้โหมดอะไร จะช่วยให้เราเข้าใจโครงสร้างของเพลงได้ดีขึ้น
- เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการแต่งเพลง: เราสามารถนำ Phrygian Mode ไปประยุกต์ใช้ในการแต่งเพลงของเราได้
- เพื่อพัฒนาฝีมือการเล่นดนตรี: การฝึกเล่นเพลงที่ใช้ Phrygian Mode จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับโหมดนี้มากขึ้น และสามารถนำไปใช้ในการเล่นดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
วิธีสังเกตว่าเพลงไหนใช้ Phrygian Mode
- ฟังเมโลดี้: ลองสังเกตเมโลดี้ของเพลง ถ้ารู้สึกว่าเมโลดี้มีความรู้สึกลึกลับและน่าค้นหา มีการใช้โน้ตที่อยู่ต่ำกว่าโน้ตในสเกลเมเจอร์เล็กน้อย และมีการเน้นโน้ตตัวแรกของสเกล อาจเป็นไปได้ว่าเพลงนั้นใช้ Phrygian Mode
- ฟังคอร์ด: ลองฟังคอร์ดที่ใช้ในเพลง ถ้ามีการใช้คอร์ดไมเนอร์เป็นหลัก และมีการใช้คอร์ดที่ลดระดับ 5 เช่น Em7b5 อาจเป็นไปได้ว่าเพลงนั้นใช้ Phrygian Mode
- สังเกตการเล่นโซโล่: ถ้าการโซโล่กีตาร์มีการใช้โน้ตจาก Phrygian Mode คุณจะรู้สึกได้ถึงความไหลลื่นและความต่อเนื่องของโน้ต โดยเฉพาะในช่วงต้นของโซโล่ที่มักจะเน้นโน้ตตัวแรกของสเกล
ตัวอย่างเพลงที่ใช้ Phrygian Mode:
- เพลงร็อก: หลายเพลงร็อกหนักๆ หรือเพลงเมทัล มักใช้ Phrygian Mode ในท่อนโซโล่หรือท่อนที่ต้องการสร้างบรรยากาศที่หนักแน่นและมืดมน เช่น เพลงของวง Metallica, Slayer หรือวงร็อกหนักๆ ยุค 90s หลายวง
- เพลงตะวันออกกลาง: เพลงพื้นเมืองของตะวันออกกลางหลายเพลงใช้ Phrygian Mode อย่างแพร่หลาย เพราะเสียงของ Phrygian Mode เข้ากันได้ดีกับเครื่องดนตรีและสไตล์ดนตรีของภูมิภาคนี้
- เพลงสมัยใหม่: เพลงป๊อปหรือเพลงอิเล็กทรอนิกส์บางเพลงก็อาจมีการใช้ Phrygian Mode ในบางท่อน เพื่อสร้างความแตกต่างและความน่าสนใจให้กับเพลง
การใช้ Phrygian Mode ในเพลงของวง Metallica
- Enter Sandman: ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะไม่ได้ใช้ Phrygian Mode ตลอดทั้งเพลง แต่ในบางท่อน โดยเฉพาะท่อนริฟฟ์หลัก จะมีการใช้ Phrygian Mode ผสมผสานเข้ามา ทำให้เกิดความรู้สึกที่หนักแน่นและดึงดูดใจ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเพลงนี้
- Master of Puppets: เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ใช้ Phrygian Mode ในบางท่อน โดยเฉพาะในท่อนโซโล่ ซึ่งจะได้ยินเสียงของ Phrygian Mode ที่ชัดเจน
การใช้ Phrygian Mode ในเพลงของวง Slayer
- Angel of Death: เพลงนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ Phrygian Mode ในเพลงแนว Thrash Metal โดยเฉพาะในท่อนริฟฟ์หลัก ซึ่งจะได้ยินเสียงของ Phrygian Mode ที่หนักแน่นและก้าวร้าว
- Raining Blood: เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ใช้ Phrygian Mode ในการสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวและน่าสะพรึงกลัว
เหตุผลที่ Metallica และ Slayer นิยมใช้ Phrygian Mode
- ความรู้สึกมืดมนและหนักแน่น: Phrygian Mode ให้ความรู้สึกที่มืดมนและหนักแน่น ซึ่งสอดคล้องกับแนวเพลงของทั้งสองวง
- สร้างความแตกต่าง: การใช้ Phrygian Mode ช่วยให้เพลงของพวกเขามีความแตกต่างและโดดเด่นจากเพลงอื่นๆ
- เพิ่มความซับซ้อน: Phrygian Mode ทำให้เพลงมีความซับซ้อนมากขึ้น และน่าสนใจสำหรับนักดนตรีและผู้ฟัง
คำแนะนำเพิ่มเติม
- ฝึกเล่น Phrygian Mode เป็นประจำ: การฝึกเล่น Phrygian Mode เป็นประจำจะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับเสียงของโหมดนี้และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการแต่งเพลงได้ง่ายขึ้น
- ลองสร้างเพลงโดยใช้ Phrygian Mode: การลองผิดลองถูกเป็นวิธีที่ดีในการเรียนรู้และพัฒนาฝีมือ
- ฟังเพลงร็อกและเพลงตะวันออกกลาง: พยายามฟังเพลงร็อกและเพลงตะวันออกกลางเพื่อสังเกตการใช้ Phrygian Mode ของนักดนตรีมืออาชีพ
บทความหน้าจะมาเจาะลึกเรื่อง โหมดที่ 4 คือ Lydian Mode (ลิเดียน โหมด) ว่านำไปใช้อย่างไร มีโครงสร้างอย่างไร ลองติดตามกันดูนะครับ
เครดิต :
Official Metallica YouTube Channel
Official Slayer YouTube Channel
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น