การเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่เสียงดั้งเดิมจากสายและแอมป์เท่านั้น แต่ยังสามารถเติมสีสันและมิติให้กับเสียงได้ผ่านเอฟเฟคต่าง ๆ โดยเฉพาะเอฟเฟคประเภท Pitch Shifter ที่ช่วยให้เสียงสูงขึ้นหรือต่ำลงตามต้องการ หนึ่งในเอฟเฟคที่น่าสนใจสำหรับนักดนตรีทั้งมือใหม่และมืออาชีพในตอนนี้คือ เอฟเฟคกีต้าร์ M-VAVE DIG Pitch ซึ่งเป็นเอฟเฟคแบบ Mini Pedal ที่ใช้งานง่ายแต่ให้ความสามารถที่หลากหลายเกินตัว
Pitch Shifter คืออะไร และทำไมจึงสำคัญ
Pitch Shifter คือเอฟเฟคที่สามารถเปลี่ยนความถี่ของเสียงที่เล่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเสียงให้สูงขึ้น (เช่นทำเสียง octave หรือ third ขึ้นไป) หรือการลดเสียงให้ต่ำลง เพื่อสร้างความหลากหลายทางดนตรี ตัวอย่างเช่น การเล่น power chord แล้วเพิ่มเสียง octave ขึ้นเพื่อให้ได้เสียงที่หนักแน่นขึ้น หรือจะใช้ลด pitch เพื่อลดเสียงเป็น harmony ที่แตกต่างจากโน้ตหลักก็ทำได้เช่นกัน
การมี Pitch Shifter ดี ๆ สักตัวในบอร์ดเอฟเฟค จึงสามารถเปิดโอกาสในการสร้างเสียงแปลกใหม่ ทั้งในวงดนตรีที่ต้องการความหลากหลาย หรือผู้เล่นเดี่ยวที่อยากให้เสียงฟังดู "เต็ม" มากขึ้นแม้จะเล่นเพียงคนเดียว
คุณสมบัติเด่นของ เอฟเฟคกีต้าร์ M-VAVE DIG Pitch
M-VAVE DIG Pitch เป็นเอฟเฟคประเภทดิจิทัลที่มีขนาดเล็ก แต่ฟังก์ชันครบถ้วน เหมาะกับผู้ที่ต้องการประหยัดพื้นที่บน pedalboard ตัวเครื่องมีวัสดุเป็นโลหะผสมสังกะสี สีม่วงด้าน ดูแข็งแรงทันสมัย
- สามารถเลือกปรับระดับ Pitch ได้ตั้งแต่ -12 ถึง +12 semitones
- ควบคุมเสียงแห้ง (Dry) และเสียงที่ถูกเปลี่ยน Pitch (Wet) ได้แยกจากกัน
- ใช้ระบบ True Bypass เพื่อไม่ทำให้เสียงดั้งเดิมสูญเสียคุณภาพ
- อัลกอริธึมการประมวลผลเสียงแบบโพลีโฟนิก ช่วยให้เสียงที่เปลี่ยน pitch ยังคงความชัดและไม่แตกพร่า
จุดเด่นที่น่าสนใจคือ ปุ่มควบคุมตรงกลางสามารถเลือกตำแหน่ง pitch ที่ต้องการได้ง่าย ๆ และเหมาะสำหรับการเปลี่ยนเสียงอย่างรวดเร็วระหว่างการแสดงสด
ความแตกต่างจาก Pitch Shifter รุ่นอื่นในตลาด
ในขณะที่บางแบรนด์อาจมี pitch shifter ที่ใหญ่และมีราคาสูง M-VAVE DIG Pitch กลับเลือกเส้นทางที่แตกต่าง ด้วยการรวมความสามารถหลักที่จำเป็นไว้ในขนาดที่เล็กกะทัดรัด เหมาะกับนักดนตรีที่ต้องการฟังก์ชันหลักแบบไม่ต้องจ่ายแพง อีกทั้งยังพกพาสะดวก ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งหัดใช้เอฟเฟค หรือมืออาชีพที่ต้องการ pitch shifter สำรองไว้ใน pedalboard
ใช้งานอย่างไรให้ได้เสียงดีที่สุด
หนึ่งในสิ่งที่นักดนตรีมักถามกันคือจะใช้งาน pitch shifter อย่างไรให้เสียงไม่หลอกหู หรือผิดคีย์ คำตอบคือให้เริ่มจากปรับ Dry/Wet ให้เหมาะสมกับเพลง ตัวอย่างเช่น หากต้องการความเป็นธรรมชาติ ควรให้ Dry อยู่สูงกว่า Wet แต่หากต้องการเสียงที่เน้น pitch effect ก็สามารถเร่ง Wet ขึ้นมาได้ตามต้องการ
อย่าลืมว่า DIG Pitch เหมาะกับการสร้างเสียง Harmony ที่ละเอียด เช่น +3rd หรือ -5th เพื่อเพิ่มชั้นเสียงให้กับเมโลดี้ของกีต้าร์ โดยยังไม่ทำให้เสียงกลืนกัน
สถานการณ์ที่เหมาะกับการใช้ เอฟเฟคกีต้าร์ M-VAVE DIG Pitch
Pitch Shifter ไม่ได้ใช้ได้เฉพาะในเพลงร็อกหรือเมทัลเท่านั้น แต่นำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ เช่น:
- นักดนตรีแนว Progressive ที่ต้องการลูกเล่นในการ Solo
- วง Acoustic Duo ที่ต้องการสร้างเสียง harmony เพิ่มจากกีต้าร์ตัวเดียว
- ผู้เล่นกีต้าร์มือใหม่ที่อยากฝึกเรื่องเสียง intervals และฟังความต่างของเสียง
ด้วยฟังก์ชันการปรับ pitch ที่แม่นยำและไม่ซับซ้อน DIG Pitch จึงเป็นเครื่องมือเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม และยังพร้อมใช้งานจริงในการแสดง
สเปกและความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
ด้วยวัสดุโลหะผสม แข็งแรงแต่เบา ใช้พื้นที่บนบอร์ดน้อย พลังงานใช้เพียง 9V และมีความต้านทาน input/output มาตรฐาน ทำให้ DIG Pitch สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้อย่างไม่มีปัญหา อีกทั้งยังมี LED indicator แสดงสถานะใช้งาน เหมาะมากกับคนที่ต้องเล่นบนเวทีในที่แสงน้อย
ถ้าเปรียบเทียบกับ pitch shifter ที่มีราคาสูงกว่าเท่าตัว DIG Pitch ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะยังให้เสียงที่ชัดเจนและคุณสมบัติที่จำเป็นครบในราคาย่อมเยา
การดูแลรักษาและการจัดวางบนบอร์ดเอฟเฟค
- หลีกเลี่ยงการวาง DIG Pitch ใกล้แหล่งความร้อน เช่น แอมป์หรือหลอดไฟแรงสูง เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
- ใช้สาย Patch Cable คุณภาพดีเพื่อรักษาความชัดของสัญญาณ pitch ที่เปลี่ยนแปลง
- ทำความสะอาดพื้นผิวโลหะด้วยผ้าแห้งหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ ห้ามใช้ของเหลวหรือสารกัดกร่อน
- ตรวจสอบไฟ LED และปุ่มปรับ pitch เป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าสัญญาณทำงานสมบูรณ์
- ควรติดตั้งในตำแหน่งต้น ๆ ของ signal chain (ก่อน distortion) เพื่อผลลัพธ์ของ pitch ที่คมชัด
เอฟเฟคกีต้าร์ M-VAVE DIG Pitch กับแนวเพลงยอดนิยม
- ร็อกและเมทัล: ใช้สร้างเสียง harmony หรือ octave ต่ำเพื่อเพิ่มความหนาของเสียงกีต้าร์
- ป๊อปและอินดี้: เพิ่มชั้นเสียงเบา ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น การเพิ่มเสียง +5th หรือ -3rd
- แจ๊ส: ใช้สร้างลูกเล่นทาง melodic interval โดยเฉพาะการเล่น chord melody
- ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์: นำ pitch shifter มาใช้ร่วมกับ looper เพื่อสร้างเสียงวนซ้ำที่เปลี่ยนโทน
- ดนตรีประกอบภาพยนตร์: สร้างบรรยากาศแปลกใหม่ด้วยการเคลื่อน pitch ช้า ๆ หรือในจังหวะที่ไม่คาดคิด
เอฟเฟคกีต้าร์ M-VAVE DIG Pitch ดีพอสำหรับมืออาชีพไหม?
- มีระบบ True Bypass ลดสัญญาณรบกวนสำหรับเวทีและงานบันทึกเสียง
- รองรับการปรับ pitch อย่างละเอียดทั้งขึ้นและลงถึง 12 ระดับแบบ semitone
- มีปุ่มปรับ Dry/Wet แบบแยกอิสระ ทำให้ควบคุมความกลมกลืนของเสียงได้อย่างมืออาชีพ
- ตัวเครื่องแข็งแรง พกพาง่าย ไม่ต้องกลัวพังเมื่อเคลื่อนย้ายบ่อย
- เหมาะกับการใช้เป็นเอฟเฟคเสริมใน pedalboard หลักของนักดนตรีมือโปร
การใช้งาน เอฟเฟคกีต้าร์ M-VAVE DIG Pitch ในห้องอัดเสียง
- ให้เชื่อม DIG Pitch เข้ากับ DI Box หรือ Audio Interface โดยใช้ output mono มาตรฐาน 1/4 นิ้ว
- ปรับระดับ Wet/Dry ตามประเภทเสียงที่ต้องการ เช่น dry 60% wet 40% สำหรับเสียงธรรมชาติ
- ใช้ร่วมกับ Reverb และ Delay ใน DAW เพื่อเพิ่มมิติของเสียงที่ถูกปรับ pitch
- สำหรับเสียงเบสหรือเสียงต่ำ ควรใช้ pitch ลงไม่เกิน -5 semitones เพื่อไม่ให้เสียงพร่าหรือสั่นคลอน
- ใช้ pitch ขึ้นแบบละเอียดเพื่อซ้อนเสียงแบบ Unison เพื่อเพิ่มความหนาของเมโลดี้
เคล็ดลับการฝึกใช้เอฟเฟค Pitch สำหรับผู้เริ่มต้น
- เริ่มจากปรับ pitch ทีละระดับ เช่น +1, +2, -1, -2 แล้วฟังผลลัพธ์ เพื่อฝึกการแยกแยะเสียง
- ใช้ backing track แบบ clean หรืออะคูสติกเพื่อฝึกให้ได้ยิน pitch shift ชัดเจนขึ้น
- ทดลองเปิด Dry แบบ 100% แล้วค่อย ๆ เพิ่ม Wet เพื่อเข้าใจการผสมเสียงที่เหมาะสม
- ใช้ DIG Pitch ฝึกเล่นแนว twin guitar โดยเปิด pitch ที่ +3rd หรือ +5th
- อัดเสียงตัวเองด้วยและฟังเปรียบเทียบช่วงที่เปิด/ปิดเอฟเฟค เพื่อเข้าใจผลกระทบจริงของ pitch
เอฟเฟคที่ใช้งานได้จริงและเหมาะกับทุกคน
หากคุณกำลังมองหาเอฟเฟค pitch shifter ที่ปรับเสียงได้หลากหลาย ใช้งานง่าย และราคาไม่แรง รุ่น DIG Pitch จากแบรนด์ M-VAVE ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าจับตา
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
👉 Lazada > ดูรายละเอียดสินค้าใน Lazada
👉 Shopee > ดูรายละเอียดสินค้าใน Shopee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น