Walrus Audio Xero Polylooper คือเอฟเฟคกีต้าร์ประเภท Looper ที่ช่วยให้คุณ “อัดท่อนสั้น ๆ” แล้วให้มันเล่นวนซ้ำได้ทันที จากนั้นคุณจึงเล่นทับ เพิ่มเมโลดี หรือซ้อนคอร์ดเข้าไปทีละชั้น จนต่อยอดเป็นโครงเพลงได้ในเวลาไม่นาน จุดเด่นของรุ่นนี้คือเป็น Looper แบบ 2-Channel ที่ควบคุมแยกกันได้ ทำให้มือใหม่ซ้อมได้เป็นขั้นตอน ส่วนคนที่ทำเดโมหรือเล่นสดก็จัดชั้นเสียงบนเวทีได้โดยไม่ต้องพึ่งวงเต็มชุด
สำหรับคนเล่นกีต้าร์ Looper ใช้ได้หลายแบบ ตั้งแต่ใช้ฝึกจับจังหวะ ฝึกโซโล่ให้ไม่หลุดคีย์ ไปจนถึงใช้ทำซาวด์แบบแอมเบียนต์ หรือใช้แสดงเดี่ยวได้เลย รุ่นนี้ออกแบบให้การ “คุมลูป” เข้าใจง่าย ใช้ปุ่มเท้าไม่กี่ปุ่มก็สั่งงานได้ แต่ยังให้ตัวเลือกครบ ทั้งปรับความเร็ว การเล่นย้อนกลับ และโหมดการทำลูปที่เลือกให้เข้ากับแนวเพลงได้
แนวคิดการออกแบบของ Walrus Audio Xero Polylooper
จุดเด่นของรุ่นนี้คือแนวคิด “คุมลูปให้ชัด ไม่สับสน” จึงออกแบบให้มีระบบ 2-Channel ที่ทำงานแยกจากกัน เพื่อให้คุณแบ่งหน้าที่ของลูปได้ชัดเจน เช่น Channel แรกใช้ทำฐานคอร์ดหรือริฟฟ์จังหวะ ส่วน Channel ที่สองใช้ทำเมโลดีหรือท่อนเติม เมื่อแยกบทบาทแบบนี้ เสียงจะเรียงเป็นชั้นอย่างเป็นระเบียบ และลดโอกาสที่เสียงจะทับกันจนฟังไม่ชัด
อีกจุดที่มือกีต้าร์ให้ความสำคัญคือ True Relay Bypass (หลายคนเรียกติดปากว่า True Bypass) หมายถึงเมื่อปิดเอฟเฟค สัญญาณกีต้าร์จะผ่านไปโดยแทบไม่ถูกปรุงแต่งเพิ่มเติม ช่วยรักษาโทนและไดนามิกของเสียงเดิมให้ใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด
การทำงานสองช่องของ Walrus Audio Xero Polylooper ในการใช้งานจริง
รุ่นนี้อัดลูปได้สูงสุด 3 นาทีต่อ Channel และทำ Overdub ซ้อนทับได้หลายรอบ ซึ่งโดยทั่วไปเพียงพอสำหรับการซ้อมและการใช้งานจริง คุณสามารถปรับ Volume และ Pan (ซ้าย–ขวา) แยกกันในแต่ละ Channel ได้ ทำให้เสียงฐานกับเสียงเติมมีพื้นที่ของตัวเอง และจัดสมดุลให้ฟังสบายได้ง่ายขึ้น
อีกความสนุกคือการปรับ Playback Speed ได้ 3 ระดับ (0.5x/1x/2x) และมี Reverse แยกต่อ Channel ได้ด้วย คุณจึงเปลี่ยนอารมณ์เพลงได้ทันที แม้เริ่มจากคอร์ดหรือริฟฟ์ชุดเดิม
โหมดการทำลูปที่เหมาะกับเพลงต่างแนว
รุ่นนี้มี 3 โหมดหลัก เลือกใช้ตามสถานการณ์ได้
- Sync Mode: ลูปที่อัดตามมาจะยึดความยาวจากลูปแรก เหมาะกับเพลงที่ต้องการความเป๊ะและเล่นตามโครงสร้าง
- Unsynced Mode: แต่ละ Channel อัดความยาวได้อิสระ เหมาะกับการทดลองไอเดียหรือเล่นแบบอิมโพรไวส์
- Poly Mode: เหมาะกับคนที่อยากลองจังหวะซับซ้อน เช่น 3:4 หรือ 5:7 และรองรับ MIDI Clock เพื่อซิงก์จังหวะกับอุปกรณ์อื่นให้ตรงกัน
คลิป YouTube
เครดิต : walrusaudioeffects
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มใช้ Looper แนะนำให้เริ่มจาก Sync Mode ก่อน เพราะช่วยให้จับจังหวะง่าย และทำให้การวนซ้ำ “อยู่ในกรอบ” ระหว่างซ้อม
การสั่งงานด้วยปุ่มเท้าแบบเข้าใจง่าย
การคุมลูประหว่างเล่นจริงต้องรวดเร็ว รุ่นนี้จึงจัดคำสั่งหลักไว้ที่ปุ่มเท้า 2 ปุ่ม เพื่อให้กดได้ทันโดยไม่ต้องเสียสมาธิจากการเล่น
- กดปุ่มซ้าย: Record/Playback
- กดค้างปุ่มซ้าย: Undo (ย้อนกลับหนึ่งชั้นเมื่ออัดพลาด)
- กดปุ่มขวา: Stop
- กดค้างปุ่มขวา: Speed FX
- กดสองปุ่มพร้อมกัน: สลับการคุมระหว่าง Channel
- กดค้างสองปุ่ม: Full Stop/Full Erase (หยุดและลบทั้งหมดเพื่อเริ่มใหม่)
นอกจากนี้ยังรองรับ External Dual Footswitch แบบ TRS เพื่อเพิ่มความคล่องตัว โดยเฉพาะคนที่เล่นสดบ่อยและอยากแยกคำสั่งให้สะดวกขึ้น
วัสดุ โครงสร้าง และรายละเอียดทางเทคนิคที่มือใหม่ควรรู้
ตัวเครื่องเป็นโครงโลหะ แข็งแรง เหมาะกับการใช้งานบนบอร์ดเอฟเฟคและการเหยียบสั่งงานบนเวที ปุ่มหมุนและสวิตช์จัดวางเป็นระเบียบ ช่วยให้ปรับได้แม่นแม้อยู่ในที่แสงน้อย จุดที่ช่วยลดความพลาดคือไฟ LED หลายสีที่บอกสถานะชัดเจนว่าตอนนี้กำลัง Record, Playback หรืออยู่ใน Speed FX
ด้านไฟเลี้ยงใช้ 9V DC กระแส 300mA หากใช้ Power Supply ควรเลือกช่องที่จ่ายกระแสได้เพียงพอ เพื่อให้เครื่องทำงานนิ่ง ลดโอกาสเกิดเสียงฮัม และลดปัญหาการทำงานสะดุด
การเชื่อมต่อที่รองรับงานจริง
รุ่นนี้รองรับ Stereo I/O และคุม Pan แยกต่อ Channel ได้ จึงเหมาะกับการต่อเข้ามิกเซอร์ ออดิโออินเทอร์เฟซ หรือระบบลำโพงแบบสเตอริโอ เพื่อให้ชั้นเสียงมีมิติและแยกซ้าย–ขวาได้ชัดขึ้น
ยังมี MIDI IN/THRU (Type A) แบบหัว 1/8 นิ้ว เพื่อซิงก์จังหวะกับอุปกรณ์อื่น หรือสั่งงานผ่าน MIDI CC และมี USB-C สำหรับอัปเดตเฟิร์มแวร์ผ่านคอมพิวเตอร์ ช่วยให้ใช้งานระยะยาวได้ยืดหยุ่น
เทคนิคตั้งค่าให้ลูปนิ่งและไม่รกมิกซ์
- ก่อนอัดลูปแรก ตั้งระดับเสียงกีต้าร์สดกับเสียงลูปให้ใกล้เคียงกัน อย่าให้ลูปดังโด่ง เพราะตอนคุณเล่นทับจะถูกกลบได้ง่าย
- ถ้าใช้สเตอริโอ ให้ขยับ Pan ของแต่ละ Channel ให้ต่างกันเล็กน้อย จะช่วยแยกชั้นเสียงโดยไม่ต้องเพิ่ม Volume มาก
- แบ่งหน้าที่ให้ชัด: Channel แรกเป็นฐานจังหวะ/คอร์ด ส่วน Channel ที่สองเป็นเมโลดี/ไลน์เติม วิธีนี้ช่วยลดอาการเสียงทับกันจนฟังไม่ออก
- ใช้ Undo เมื่ออัดพลาด แทนการลบทั้งหมด จะประหยัดเวลาและทำให้ไอเดียไม่สะดุด
- ถ้าอยากให้จังหวะแน่น เริ่มจาก Sync Mode หรือซิงก์ด้วย MIDI Clock เมื่อมีอุปกรณ์กำหนดจังหวะร่วม
แนวทางฝึกซ้อม 15 นาทีต่อวันด้วยลูปสองช่อง
- นาทีที่ 1–3: อัดคอร์ดหรือริฟฟ์สั้น ๆ เป็นฐานใน Channel แรก แล้วเช็คว่า Volume พอดีหรือยัง
- นาทีที่ 4–7: เติมจังหวะด้วยการสับคอร์ดหรือเล่นโน้ตซ้ำ ๆ แบบเรียบ ๆ เน้น “น้อยแต่ชัด” จะฟังเป็นเพลงมากกว่าการอัดทับถี่ ๆ
- นาทีที่ 8–11: ใช้ Channel ที่สองเล่นเมโลดีหรือโซโล่สั้น ๆ แล้วลองปรับ Pan เล็กน้อยเพื่อให้เสียงแยกจากฐาน
- นาทีที่ 12–15: ทดลอง Speed FX หรือ Reverse แบบสั้น ๆ แล้วกลับมาฟังรวมว่าเสียงยังอ่านออกหรือเริ่มรก
การต่อสัญญาณ Mono/Stereo และการจัดวางในบอร์ดเอฟเฟค
- ถ้าเล่นแบบ Mono ให้ต่อเข้าช่องซ้าย (L/Mono) ตามที่ระบุบนตัวเครื่อง เพื่อให้การทำงานถูกต้องตามการออกแบบ
- ถ้าเล่นแบบ Stereo ให้ต่อสายเข้า–ออกให้ครบคู่ แล้วลองหมุน Pan เพื่อเช็คว่าระบบปลายทางแยกซ้าย–ขวาจริง
- เมื่อต่อเข้ามิกเซอร์หรือออดิโออินเทอร์เฟซ ให้เริ่มจาก Volume ต่ำแล้วค่อยเพิ่ม เพื่อกันสัญญาณพีก และรักษาไดนามิกการเล่น
- ถ้าคุณอยากให้ลูป “เก็บเสียงรวม” ตามที่ตั้งไว้ ควรวาง Looper ไว้ท้ายบอร์ด แต่ถ้าอยากอัดลูปแบบเสียงดิบแล้วค่อยปรุงด้วยเอฟเฟคทีหลัง ให้ลองย้ายตำแหน่งตามรูปแบบการใช้งาน
- ใช้ Power Supply คุณภาพดีและจ่ายกระแสพอ จะช่วยลดเสียงฮัมและทำให้การทำงานเสถียร
การใช้ Speed และ Reverse ให้ฟังเป็นเพลง
- 0.5x ช่วย “เปิดพื้นที่” ให้เมโลดีใหม่ เหมาะกับการทำบรรยากาศหรือซ้อมโซโล่ช้า ๆ เพื่อคุมโน้ตให้แม่น
- 2x ช่วยเพิ่มแรงส่งช่วงพีกของเพลง แต่ควรคุม Volume ไม่ให้พุ่งจนกลบส่วนอื่น
- Reverse ใช้กับท่อนสั้น ๆ จะได้เสียงแปลกหูแบบพอดี โดยไม่ทำให้ทั้งเพลงสับสน
- ถ้าอยู่ในโหมดที่ซิงก์ กดเอฟเฟคให้ตรงจุดเริ่มลูป จะทำให้ผลลัพธ์ฟังเป็นดนตรีมากขึ้น
เหมาะกับใคร และการเลือกใช้งานในระยะยาว
รุ่นนี้เหมาะกับมือกีต้าร์ที่อยากซ้อมให้เป็นระบบ คนที่แต่งเพลงและอยากทดลองไอเดียให้เห็นผลเร็ว รวมถึงคนที่เล่นสดและต้องการสร้างชั้นเสียงแบบเรียลไทม์โดยควบคุมได้มั่นใจ จุดแข็งคือแบ่งการทำงานออกเป็นสองช่อง และมีไฟแสดงสถานะที่เห็นชัด จึงช่วยให้เริ่มใช้งานได้ง่ายกว่ารุ่นที่มีขั้นตอนซับซ้อนเกินไป
เมื่อใช้งานต่อเนื่อง คุณจะได้ทักษะสำคัญ เช่น การวางชั้นเสียง การคุมจังหวะ และการจัดตำแหน่งเสียงให้ไม่รก ซึ่งต่อยอดได้ทั้งการเล่นคนเดียวและการทำงานกับวง
สรุปแบบย่อก่อนตัดสินใจ
- ถ้าคุณอยากได้ Looper ที่แบ่งงานเป็นสองส่วนชัดเจน รุ่นนี้ช่วยให้คุมฐานกับไลน์เติมได้ง่ายขึ้น
- ถ้าคุณซ้อมและแต่งเพลงจริงจัง โหมดการทำลูปและการซิงก์จังหวะช่วยให้ฝึกได้เป็นระบบ
- ถ้าคุณเล่นสดบ่อย ระบบปุ่มเท้าและไฟสถานะช่วยลดการเดา ทำให้คุมได้มั่นใจ
- ถ้าคุณใช้ระบบดิจิทัลร่วมกับอุปกรณ์อื่น การรองรับ MIDI และการอัปเดตเฟิร์มแวร์ช่วยให้ใช้งานระยะยาวได้คุ้ม
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
รีวิวโดย gooddymusic








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น