การเลือกเครื่องดนตรีสำหรับการเล่นอย่างจริงจัง ไม่ได้พิจารณาแค่หน้าตาหรือชื่อแบรนด์เท่านั้น แต่ควรมองให้ถึง “โครงสร้าง วัสดุ และการออกแบบ” เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนดทั้งโทนเสียงและความรู้สึกเวลาเล่นจริง กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez RGT1221PB จึงถูกพัฒนามาเพื่อผู้ที่ต้องการความนิ่ง ความแม่นยำ และโทนเสียงที่ควบคุมได้ง่าย ตั้งแต่การซ้อมในห้องเล็ก ไปจนถึงการเล่นบนเวที หรือทำงานในสตูดิโอ
แนวคิดการออกแบบของ กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez RGT1221PB
Ibanez วางซีรีส์ RGT ให้เป็นกีต้าร์ที่เน้น “ประสิทธิภาพในการเล่น” เป็นหลัก จุดเด่นสำคัญคือโครงสร้างคอแบบ Neck-Through (คอเป็นชิ้นยาวต่อเนื่องผ่าน Body) ซึ่งช่วยให้การสั่นสะเทือนส่งต่อได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้ Sustain (เสียงยาว) ดีขึ้น และคาแรคเตอร์ของเสียงมีความสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อเล่นในช่วง Fret สูง
ส่วน Body ทรง RG ที่บางและเว้าตามสรีระ ช่วยให้วางแขนขวาได้สบายขึ้น อีกทั้งยังทำให้เข้าถึง Fret ลึกได้ง่าย เหมาะกับผู้ที่ต้องเล่นเร็ว เล่นเทคนิค หรือเปลี่ยนตำแหน่งมือซ้ายบ่อย โดยไม่รู้สึกว่ามือไปติดขอบ Body
โครงสร้างคอและฟิงเกอร์บอร์ดของ กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez RGT1221PB เพื่อการควบคุม
คอ Wizard III แบบ 7 ชิ้น (Maple/Walnut) เป็นจุดเด่นที่ผู้เล่นสายเทคนิคมักให้ความสำคัญ เพราะคอมีความบาง จับถนัดมือ และยังแข็งแรงจากการประกบไม้หลายชั้น ช่วยลดโอกาสคอบิดหรือคอโก่งจากความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง
ฟิงเกอร์บอร์ด Ebony ให้สัมผัสแน่นและตอบสนองไว ช่วยให้โน้ตคม ชัด และควบคุม Dynamics (น้ำหนักมือเบา-หนัก) ได้ง่าย ส่วน Inlay แบบบล็อก (Acrylic/Abalone) ช่วยให้มองตำแหน่ง Fret ได้ชัดขึ้นเวลาเล่นในที่แสงน้อย
Fret Stainless Steel ขนาด Jumbo จำนวน 24 Fret ช่วยให้การ Bend (ดันสาย) และ Slide (สไลด์นิ้ว) ทำได้ลื่น อีกทั้งยังทนต่อการสึกหรอ เหมาะกับผู้ที่ซ้อมหนักหรือเล่นต่อเนื่องเป็นประจำ สำหรับมือใหม่ ข้อดีคือผิว Fret ที่เรียบและทน จะช่วยให้การฝึกเทคนิคพื้นฐานทำได้สม่ำเสมอขึ้นในระยะยาว
Top Poplar Burl และ Body American Basswood กับบุคลิกเสียง
ส่วน Body ใช้ไม้ American Basswood ซึ่งเป็นไม้ยอดนิยมในกีต้าร์สายเล่นจริง เพราะให้โทนเสียงสมดุล ย่านกลางชัด และตอบสนองค่อนข้างตรง ทำให้ “คุมเสียงง่าย” เมื่อต่อเอฟเฟค (Effects) หรือทำเสียงแตก
ด้านบนปิดด้วยไม้ Poplar Burl หนา 3 มิลลิเมตร เพิ่มความโดดเด่นเรื่องลายไม้ และโดยภาพรวมมักช่วยเติมมิติของย่านกลาง ทำให้ Chord (คอร์ด) ฟังแน่นขึ้น และโน้ตเดี่ยวมีน้ำหนักมากขึ้น
ระบบ Bridge Mono-Rail เพื่อความชัดของโน้ตแต่ละสาย
Bridge แบบ Mono-Rail แยกฐานสายออกจากกันทีละสาย เพื่อลดการรบกวนกันของการสั่น ส่งผลให้โน้ตแต่ละสาย “แยกเสียงชัด” เหมาะกับผู้ที่เล่น Chord ซับซ้อน หรือเล่น Riff (ท่อนเล่นซ้ำ) ที่ต้องการความคมและความสะอาดของเสียง
ระยะห่างสาย 10.8 mm ช่วยให้มีพื้นที่สำหรับนิ้วมือขวามากขึ้น จึงช่วยให้เล่นแบบเกาแยกสาย และเล่นโน้ตทีละเสียงให้ชัดเจนได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณเคยชินกับกีต้าร์ที่ระยะห่างสายชิดมาก อาจต้องใช้เวลาปรับความรู้สึกมืออยู่บ้างในช่วงแรก
ระบบ Pickup และบุคลิกเสียงของ กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez RGT1221PB
สิ่งที่กำหนด “ตัวตนของเสียง” อย่างชัดเจนคือ Pickup รุ่นนี้ใช้ DiMarzio Air Norton ที่ตำแหน่งคอ และ DiMarzio The Tone Zone ที่ตำแหน่ง Bridge ซึ่งเป็นคู่ที่ได้รับความนิยมในสายเล่นจริง เพราะให้ทั้งความหนาและความชัดในเวลาเดียวกัน
- Air Norton (Neck): โทนอุ่น กลม มีเนื้อเสียง ย่านกลางเด่น เหมาะกับ Solo (โซโล่) ที่ต้องการความนุ่มนวล หรือ Chord แบบคลีนที่อยากให้มีความลึก
- The Tone Zone (Bridge): ให้สัญญาณแรง เสียงหนา และย่านต่ำแน่น เหมาะกับการเล่น Riff ที่ต้องการความหนักแน่น รวมถึงการทำเสียงแตกที่อยากให้เสียงพุ่งชัด แต่ยังทำให้โน้ตแต่ละตัวฟังแยกออกได้ดี
เมื่อนำไปใช้กับ Overdrive หรือ Distortion มักได้โทนที่ “หนาแต่ไม่เละ” จึงเหมาะกับแนวร็อก โปรเกรสซีฟ และเมทัล รวมถึงแนวฟิวชันที่ต้องการความชัดของโน้ตและการแยกชั้นเสียง
การใช้งานจริงในสถานการณ์ต่าง ๆ
ในการซ้อม คอที่บางและการเข้าถึง Fret สูงที่ง่าย ช่วยให้ฝึกเทคนิคได้ต่อเนื่อง ลดความเมื่อยล้าของมือซ้าย โดยเฉพาะช่วงฝึกสเกลหรือแบบฝึกหัดที่ต้องขยับตำแหน่งขึ้นลงบ่อย
บนเวที โครงสร้าง Neck-Through ช่วยให้โทนเสียงค่อนข้างนิ่งและต่อเนื่อง เมื่อเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นแล้วเสียงยังคงคาแรคเตอร์เดิม และมีโอกาสเกิดอาการเสียงดรอปในช่วง Fret สูงน้อยลง
ในสตูดิโอ โทนของไม้และ Pickup คุมง่าย จึงบันทึกเสียงได้สะดวก โดยเฉพาะเมื่อต้องอัดหลายแทร็ก (เล่นซ้อนหลายรอบ) เพราะเสียงแยกชั้นได้ดี ไม่อัดแน่นจนแก้ไขยากตอนมิกซ์
การตั้งค่าเริ่มต้นให้เล่นลื่นและเสียงนิ่ง
การตั้งค่าเริ่มต้นที่ดีช่วยให้กีต้าร์ “เข้ามือ” เร็วขึ้น และลดปัญหาที่มือใหม่มักพบ เช่น เสียง Buzz สายสูงเกินไป หรือจูนไม่ค่อยอยู่ หากทำตามลำดับ จะคุมผลลัพธ์ได้ง่ายกว่า
- เช็คความโค้งคอ (Neck Relief): ถ้าคอโค้งมากไป สายจะสูง กดเหนื่อย แต่ถ้าคอโค้งน้อยไปอาจเกิดเสียง Buzz ควรปรับให้เหมาะกับน้ำหนักมือและสไตล์การเล่น
- ตั้งความสูงสาย (Action): ตั้งสูงเกินไปจะทำให้กดลำบาก แต่ตั้งต่ำเกินไป Buzz ง่าย แนะนำให้ปรับทีละนิด แล้วลองเล่นจริงหลายตำแหน่งตั้งแต่ Fret ต้นถึง Fret สูง
- ตั้ง Intonation: เปรียบเทียบโน้ตที่ Fret 12 กับสายเปล่าเพื่อให้เสียงตรงคีย์ Bridge แยกสายช่วยให้ปรับละเอียดขึ้น แต่ควรทำทีละสายและจูนซ้ำทุกครั้ง
- ปรับความสูง Pickup: ถ้าตั้งใกล้สายเกินไปเสียงอาจบวม และอาจดึงสายให้เพี้ยนได้ เริ่มจากระดับกลาง แล้วค่อยปรับให้บาลานซ์ระหว่างตำแหน่ง neck และ Bridge
- หลังเปลี่ยนสายให้ Stretch แล้วจูนซ้ำหลายรอบ: เพื่อให้สายเข้าที่และจูนอยู่มากขึ้นเวลาเล่นจริง
- ตรวจ Nut และจุดสัมผัสสาย: หากรู้สึกว่าจูนไม่นิ่ง อาจมีฝุ่นหรือรอยคมที่ทำให้สายสะดุด ควรทำความสะอาดและตรวจสภาพก่อน
ดูแล Fret Stainless Steel และฟิงเกอร์บอร์ด Ebony ให้สภาพดี
การดูแลส่วนที่สัมผัสมือบ่อย จะช่วยให้เล่นลื่น และยืดอายุการใช้งานของวัสดุได้ดีขึ้น
- เช็ดสายและ Fret หลังเล่นทุกครั้ง เพื่อลดคราบเหงื่อและคราบเกลือที่ทำให้สายเสื่อมเร็ว
- ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เนื้อนุ่ม หลีกเลี่ยงผ้าหยาบที่อาจทำให้ผิวเป็นรอย
- ฟิงเกอร์บอร์ด Ebony ควรใช้น้ำมันบำรุงแบบบางเป็นครั้งคราว (ไม่ต้องบ่อย) แล้วเช็ดส่วนเกินออกให้หมด
- คุมความชื้นในห้องหรือในเคสให้เหมาะสม เพื่อลดปัญหาไม้แห้งหรือหดตัวจนรู้สึกขอบ Fret สะดุดมือ
การเลือกสายและการตั้งสายสำหรับ กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez RGT1221PB ให้เข้ากับสไตล์
สเปกโรงงานใช้สาย .010–.046 ซึ่งเป็นขนาดสายมาตรฐานที่เล่นได้หลากหลาย แต่คุณสามารถปรับให้เหมาะกับแนวเพลงและวิธีตั้งสายของตัวเองได้
- .010–.046: ให้ความบาลานซ์ เล่นได้ทั้ง Chord และ Solo เหมาะกับการตั้งสายมาตรฐาน (EADGBE)
- หากใช้ Drop Tuning บ่อย: พิจารณาเพิ่มความหนาของสายล่าง (เช่น 10–52) เพื่อให้สายตึงขึ้น Riff นิ่งขึ้น และลดอาการสายย้วย
- เมื่อเปลี่ยนขนาดสาย: ควรเช็คการตั้งคอและตั้งค่า Intonation ใหม่ทุกครั้ง เพราะแรงดึงของสายจะเปลี่ยนไป ทำให้ความสูงของสายและความตรงของเสียงในแต่ละ Fret เปลี่ยนตาม
- ถ้าเน้น Bend และ Solo: อาจเลือกสายบนที่ไม่หนาเกินไป เพื่อให้ดันสายง่ายและคุมเสียงได้ดี
- ระยะห่างสายที่ค่อนข้างกว้าง: ช่วยให้เกาแยกสายแม่นขึ้น แต่ควรฝึกมุมมือขวาให้คุ้นเพื่อให้เสียงสม่ำเสมอ
เช็คลิสต์ดูแลฮาร์ดแวร์สี Cosmo Black และผิวหน้าไม้
การดูแลแบบง่าย แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้กีต้าร์ดูสวยและทำงานนิ่งได้ยาวนาน
- เช็ดคราบเหงื่อบริเวณ Bridge ลูกบิด และปุ่มคอนโทรลหลังเล่น เพื่อลดคราบฝังแน่น
- เลือกน้ำยาเช็ดเครื่องดนตรีที่อ่อนโยน เลี่ยงแอลกอฮอล์แรงที่ทำให้ผิวเคลือบหมอง
- ตรวจสกรูและหมุดสายสะพายเป็นระยะ เพื่อความปลอดภัยเวลาเล่นบนเวที
- เก็บในเคสเมื่อไม่ใช้งาน ลดฝุ่น ลดรอย และลดผลกระทบจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนเร็ว
- ก่อนซ้อมหรือขึ้นเวที ควรเช็คการตั้งสายสั้น ๆ เสมอ เพื่อคุมความนิ่งของเสียงทั้งชุด
คำถามที่พบบ่อยก่อนตัดสินใจ
- Neck-Through ให้ข้อดีอะไร: โดยทั่วไปช่วยให้ Sustain ดี และโทนเสียงต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวลาเล่นในช่วง Fret สูง
- Bridge แยกสายมีผลอย่างไร: มักช่วยให้โน้ตแต่ละสายชัดขึ้น และตั้ง Intonation ได้ละเอียด
- 24 Fret เหมาะกับใคร: เหมาะกับผู้ที่ใช้ช่วงเสียงสูงบ่อย เช่น Solo หรือแนวที่ต้องการโน้ตเพิ่ม
- เหมาะกับงานอัดเสียงไหม: เหมาะ เพราะโทนคุมง่ายและโครงสร้างค่อนข้างนิ่ง ช่วยให้ทำงานไวขึ้น
- มือใหม่ใช้ได้หรือไม่: ใช้ได้ หากตั้งใจฝึกจริงจัง และควรทำเซ็ตอัปให้เหมาะกับมือ เพื่อลดอุปสรรคตอนเริ่มต้น
เหมาะกับใคร และควรพิจารณาอย่างไร
รุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องดนตรีคุณภาพสูงสำหรับใช้งานระยะยาว และต้องการโทนเสียงที่ยืดหยุ่น ไม่จำกัดแนวเพลง โดยเฉพาะผู้ที่เน้นความแม่นยำ ความเร็ว และการเข้าถึง Fret สูง จะเห็นข้อดีของคอที่บาง Fret Stainless Steel และโครงสร้างที่ค่อนข้างนิ่งได้ชัด
หากคุณกำลังมองหากีต้าร์ไฟฟ้าที่ให้ทั้งความสวยงาม ความเสถียร และเสียงระดับใช้งานจริงจัง รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับการลงทุนกับเครื่องดนตรีในระยะยาว
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
รีวิวโดย gooddymusic
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น