เมื่อพูดถึงกีต้าร์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งนักดนตรีมือใหม่ที่อยากลองสำรวจโทนเสียงหลายแบบ และนักดนตรีที่มีประสบการณ์ซึ่งต้องการเครื่องดนตรีที่ไว้ใจได้บนเวที หลายคนมักมองหากีต้าร์เพียงตัวเดียวที่พกไปเล่นได้แทบทุกงาน หนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez AZ22S1F จากตระกูล AZ Series ที่เน้นความคล่องตัว การควบคุมโทนเสียงที่ยืดหยุ่น และใช้วัสดุระดับพรีเมียมที่คัดเลือกอย่างพิถีพิถัน ตามแนวคิดของ Ibanez ที่ต้องการให้กีต้าร์หนึ่งตัวรองรับการเล่นได้ตั้งแต่โทนคลีนใสไปจนถึงเสียงแตกดุดันในหลายแนวเพลง
โครงสร้างของ กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez AZ22S1F และวัสดุระดับพรีเมียมที่ส่งผลต่อโทนเสียง
กีต้าร์ไฟฟ้าในปัจจุบันไม่ได้เน้นเพียงรูปทรงและสีสันที่สวยงามเท่านั้น แต่ต้องให้โทนเสียงที่นิ่ง ควบคุมได้ง่าย และตอบสนองต่อการสัมผัสของผู้เล่นได้ดี รุ่น AZ22S1F จึงเลือกใช้ไม้และฮาร์ดแวร์แต่ละส่วนด้วยเหตุผลด้านเสียงและความทนทานควบคู่กันไป เพื่อให้ได้ทั้งคาแรคเตอร์เสียงและความรู้สึกในการเล่นที่สมดุล
บอดี้ไม้เอลเดอร์และท็อปไม้เฟลมเมเปิล
บอดี้ของรุ่นนี้ใช้ไม้เอลเดอร์ (Alder) ซึ่งเป็นไม้ที่นิยมใช้ทำกีต้าร์ไฟฟ้าคลาสสิกมานาน จุดเด่นคือให้โทนเสียงค่อนข้างสมดุล ย่านต่ำไม่ทึบ ย่านกลางชัด ย่านสูงไม่แหลมจนฟังแล้วไม่รู้สึกล้าหรือระคายหู เสียงโดยรวมจึงฟังง่าย เข้ากับเสียงของเครื่องดนตรีชิ้นอื่นในวงได้ดี และสามารถใช้เล่นได้ทั้งริธึมและโซโล่โดยไม่กลบเสียงเพื่อนร่วมวง
ด้านหน้าบอดี้เสริมท็อปด้วยไม้เฟลมเมเปิล (Flamed Maple) ที่มีลายไม้สวยงาม เมื่อโดนแสงไฟเวทีลายไม้จะเด่นชัดขึ้น ช่วยเพิ่มมิติด้านภาพให้ตัวกีต้าร์ นอกจากความสวยงามแล้ว ไม้เมเปิลยังช่วยเพิ่มความคมและความใสของโทนเสียง ทำให้โน้ตแต่ละตัวชัดเจนขึ้น เหมาะกับการเล่นไลน์เมโลดี้หรือคอร์ดที่ต้องการให้ได้ยินโน้ตครบทุกตัว
คอไม้โรสเต็ดเมเปิลเพื่อความเสถียรและสัมผัสที่มั่นใจ
คอของรุ่นนี้ใช้ไม้โรสเต็ดเมเปิล (Roasted Maple) ซึ่งผ่านการอบเพื่อไล่ความชื้นส่วนเกินออกไป ช่วยให้โครงสร้างไม้มีความนิ่งและทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นได้ดีกว่าไม้ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการนี้ เวลาเล่นในห้องแอร์จัด หรือขึ้นเวทีกลางแจ้งบ่อย ๆ คอจะไม่โก่งหรือบิดตัวง่าย
พื้นผิวคอเคลือบแบบซาติน ให้ผิวสัมผัสที่ด้านเล็กน้อย ไม่ลื่นจนควบคุมยากและไม่เหนียวติดนิ้วเมื่อเหงื่อออก ส่วนฟิงเกอร์บอร์ดใช้ไม้จาโทบา (Jatoba) ที่มีความแข็งแรงและตอบสนองต่อแรงนิ้วได้ดี ช่วยให้การดันสาย การสไลด์ หรือการเล่นโน้ตต่อเนื่องทำได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ฟิงเกอร์บอร์ดมีรัศมี 305 มิลลิเมตร และใช้เฟรตจัมโบ้สเตนเลส สตีล ซึ่งมีข้อดีคือสึกหรอยาก เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ยังรักษาความแม่นยำของตำแหน่งโน้ตได้ดี เหมาะกับผู้เล่นที่ซ้อมบ่อยหรือออกงานเป็นประจำ ลดโอกาสที่ต้องนำกีต้าร์ไปขัดหรือเปลี่ยนเฟรตบ่อยครั้ง
ปรับโทนเสียงได้กว้างด้วยระบบ HSS และ dyna-MIX9
จุดเด่นอีกด้านของรุ่นนี้คือระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบมาให้รองรับการเล่นได้หลายแนวเพลง โดยไม่จำเป็นต้องพกกีต้าร์หลายตัวในคืนเดียว AZ22S1F เลือกใช้ชุดปิ๊กอัพแบบ HSS และเสริมด้วยวงจร dyna-MIX9 ที่เปิดทางให้ผู้เล่นเลือกโทนเสียงได้มากกว่ากีต้าร์ทั่วไปในระดับราคาใกล้เคียงกัน
ปิ๊กอัพ Ibanez Classic Custom แบบ HSS
ชุดปิ๊กอัพใช้รุ่น Ibanez Classic Custom โดยจัดผังเป็นแบบ HSS ดังนี้
- ตำแหน่งคอและตำแหน่งกลางใช้ปิ๊กอัพแบบซิงเกิลคอยล์ ให้โทนใส โปร่ง และมีรายละเอียด เหมาะกับเสียงคลีนเนียน ๆ หรือเสียงแตกอ่อน ๆ ที่ยังต้องการให้ไดนามิกจากการเกากีต้าร์ส่งผลต่อโทนเสียงอย่างชัดเจน
- ตำแหน่งบริดจ์ใช้ฮัมบัคเกอร์แบบเซรามิก ให้เสียงหนาและแน่นขึ้น และตอบสนองต่อแรงเกาที่มือขวาได้ดี เหมาะกับการเล่นริธึมร็อกที่ใช้เสียงแตก รวมถึงท่อนโซโล่ที่ต้องการให้เสียงเด่นและได้ยินชัดเจนเหนือเสียงเครื่องดนตรีอื่นในวง
การจัดผังปิ๊กอัพแบบนี้ทำให้ผู้เล่นสามารถสลับจากโทนใสไปสู่โทนหนาได้ง่าย เพียงเปลี่ยนตำแหน่งสวิตช์ปิ๊กอัพและปรับเกนที่แอมป์หรือเอฟเฟคเล็กน้อย ก็พร้อมรับทั้งเพลงเบาและเพลงที่ใช้เสียงแตกแรงขึ้น
ระบบ dyna-MIX9 และปุ่ม Alter Switch
นอกจากสวิตช์เลือกปิ๊กอัพ 5 ทางแล้ว รุ่นนี้ยังมีระบบ dyna-MIX9 พร้อมปุ่ม Alter Switch ที่ใช้เปลี่ยนรูปแบบการต่อวงจรภายใน ทำให้ได้ตัวเลือกโทนเสียงรวม 9 แบบในกีต้าร์ตัวเดียว ผู้เล่นสามารถสลับไปใช้เสียงที่ให้คาแรกเตอร์คล้ายกีต้าร์สองซิงเกิลคอยล์แบบวินเทจ หรือโทนที่ผสมความหนาของฮัมบัคเกอร์กับความใสของซิงเกิลคอยล์ได้อย่างรวดเร็ว
ข้อดีคือผู้เล่นไม่จำเป็นต้องมีความรู้รายละเอียดด้านวงจรไฟฟ้ามากนัก เพียงทดลองเปลี่ยนตำแหน่งสวิตช์และใช้หูฟังดู ก็จะเริ่มรู้ว่าโทนใดเหมาะกับแนวเพลงที่กำลังเล่น เช่น เพลงป็อปที่ต้องการเสียงคลีน หรือเพลงร็อกที่ต้องการเสียงแตกกลาง ๆ
ความสบายในการเล่นที่ออกแบบมาสำหรับหลายสไตล์
ความรู้สึกในการจับคอ ทั้งการเล่นคอร์ดและการโซโล่
รูปทรงคอของตระกูล AZ ถูกออกแบบให้มีความหนาปานกลาง ไม่บางจนจับแล้วรู้สึกโล่งมือ และไม่หนาจนเล่นโซโล่ลำบาก ทำให้ทั้งการจับคอร์ดเต็มมือและการเล่นท่อนโซโล่รวดเร็วให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ผู้เล่นที่เคยใช้กีต้าร์จากหลายแบรนด์มาก่อนมักจะปรับตัวกับทรงคอแบบนี้ได้ไม่ยาก
บริเวณคอช่วงเชื่อมต่อกับบอดี้ที่ออกแบบให้เว้าโค้งเล็กน้อย ช่วยให้เอื้อมมือไปกดเฟรตบนได้ง่ายขึ้น การเล่นเมโลดี้ในย่านเสียงสูงหรือการดันสายบนเฟรตท้าย ๆ จึงรู้สึกคล่องตัวขึ้น และไม่ติดมุมบอดี้มากจนเกินไป เหมาะกับผู้ที่ชอบเล่นไลน์เมโลดี้ลากยาว หรือท่อนโซโล่ที่ต้องขึ้นไปถึงช่วงปลายคอบ่อย ๆ
เฟรตสเตนเลส สตีลและงานเก็บขอบเฟรตที่เรียบร้อย
เฟรตสเตนเลส สตีลมีข้อดีคือทนต่อการสึกหรอได้ดีกว่าเฟรตนิกเกิลทั่วไป แม้ใช้งานหนักหรือลากสายบ่อย ๆ ก็ยังรักษาความตรงของโน้ตได้ดีในระยะยาว ผู้เล่นจึงไม่จำเป็นต้องนำกีต้าร์ไปขัดหรือเปลี่ยนเฟรตบ่อยครั้ง ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ขอบเฟรตได้รับการเก็บงานให้โค้งมนและไม่บาดนิ้ว เวลาเลื่อนมือไปตามขอบฟิงเกอร์บอร์ดจะรู้สึกลื่น ไม่สะดุด ทำให้การเล่นสเกลหรือท่อนวิ่งโน้ตต่อเนื่องยาว ๆ ทำได้อย่างมั่นใจและสบายมือมากขึ้น
การใช้งานจริงในการซ้อมและบนเวที
สะพานสาย T106 Tremolo ที่ตั้งสายได้ง่ายและใช้คันโยกได้เต็มที่
สะพานสาย T106 Tremolo ถูกออกแบบมาให้รองรับทั้งการโยกเบา ๆ เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้เสียงคลีน และการกดคันโยกลงลึกสำหรับเทคนิคเฉพาะทาง จุดเด่นคือการตั้งสายและการตั้งอินโทเนชันทำได้ค่อนข้างตรงไปตรงมา ผู้เล่นที่มีพื้นฐานการเซ็ตอัปกีต้าร์สามารถปรับให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเองได้ไม่ยาก
ลูกบิดล็อกสายเพื่อลดโอกาสเสียงเพี้ยน
ลูกบิดแบบล็อกสายช่วยให้การเปลี่ยนสายทำได้รวดเร็วขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องพันสายรอบลูกบิดหลายรอบเหมือนลูกบิดทั่วไป และยังช่วยลดโอกาสที่สายจะเลื่อนหลุดจากลูกบิดเมื่อเล่นแรง ๆ หรือใช้คันโยกบ่อย ๆ ผลที่ได้คือกีต้าร์มีความนิ่งด้านการตั้งสายมากขึ้น เหมาะกับทั้งการซ้อมยาว ๆ และการขึ้นเวทีหลายรอบในหนึ่งวัน
มุมมองเชิงเครื่องดนตรี: ทำไมตระกูล AZ จึงถูกมองว่าเป็นกีต้าร์ยุคใหม่
ตระกูล AZ เกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างทีมออกแบบของแบรนด์และนักดนตรีมืออาชีพจากหลายแนวเพลง แนวคิดหลักคือสร้างกีต้าร์ที่เล่นง่าย ควบคุมโทนเสียงได้หลากหลาย และยังมีภาพลักษณ์ที่เรียบแต่ดูทันสมัย ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป
ในมุมมองของผู้เล่นเครื่องดนตรี ปัจจัยที่มักใช้พิจารณาว่ากีต้าร์หนึ่งตัวใช้งานได้จริงหรือไม่ มักมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้
- ความเสถียรของคอและความแม่นยำของอินโทเนชัน ช่วยให้เล่นแล้วโน้ตตรงทุกตำแหน่ง
- ความยืดหยุ่นของระบบปิ๊กอัพ สามารถนำไปเล่นได้ตั้งแต่เพลงป็อป แจ๊ส ร็อก ไปจนถึงเมทัล
- ฮาร์ดแวร์ที่ทนทาน เช่น เฟรตสเตนเลส ลูกบิดล็อกสาย และสะพานสายที่ตั้งค่าได้ไม่ยุ่งยาก
- น้ำหนักและบาลานซ์ของตัวกีต้าร์ ทำให้ยืนเล่นได้เป็นเวลานานโดยไม่เมื่อยไหล่มากจนเกินไป
รุ่น AZ22S1F ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์องค์ประกอบเหล่านี้ในระดับที่สมดุล จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนมองว่าเป็นหนึ่งในกีต้าร์ยุคใหม่ที่ใช้งานได้จริง ทั้งในห้องซ้อม ห้องอัด และบนเวทีแสดงสด
ความเหมาะสมกับผู้เล่นแต่ละระดับ
ผู้เล่นเริ่มต้นที่อยากพัฒนาฝีมืออย่างจริงจัง
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นกีต้าร์แต่ตั้งใจฝึกอย่างต่อเนื่อง กีต้าร์ที่มีโทนเสียงหลากหลายจะช่วยให้ทดลองได้หลายแนวเพลงและค้นหาสไตล์ที่ตัวเองชอบ รุ่นนี้ให้ทั้งเสียงคลีนใส เสียงแตกอ่อน และเสียงแตกจัดจากฮัมบัคเกอร์ ผู้เล่นจึงลองเล่นได้หลายแบบโดยยังใช้กีต้าร์ตัวเดิม ไม่จำเป็นต้องซื้อหลายตัวในช่วงเริ่มต้น
ผู้เล่นระดับกลางจนถึงมืออาชีพ
สำหรับผู้ที่ผ่านช่วงเริ่มต้นมาแล้วและเริ่มรับงาน เล่นเวที หรืออัดเสียงในสตูดิโอ ความเสถียรของเครื่องดนตรีเป็นสิ่งสำคัญมาก เฟรตสเตนเลส ลูกบิดล็อกสาย และระบบ dyna-MIX9 ทำให้รุ่นนี้พร้อมใช้งานในสถานการณ์จริงได้ดี ผู้เล่นไม่ต้องกังวลว่าต้องตั้งสายใหม่ทุกเพลง หรือกลัวว่าเสียงจะเพี้ยนกลางโชว์ สามารถโฟกัสไปที่การเล่นและการสื่อสารกับผู้ฟังได้เต็มที่
แนวทางการเลือกสเปกให้เหมาะกับสไตล์การเล่น
- ผู้ที่เล่นแนวป็อปหรือร็อกร่วมสมัยมักต้องการโทนกลางที่ชัดเจนและไม่บาดหู สามารถใช้ปิ๊กอัพซิงเกิลคอยล์ตำแหน่งกลาง หรือผสมตำแหน่งคอกับกลาง แล้วลดโทนเล็กน้อยเพื่อให้เสียงนุ่มขึ้น
- ผู้เล่นสายฟิวชันหรือโปรเกรสซีฟที่ต้องการให้โน้ตชัดทุกย่าน ควรตั้งแอคชั่นไม่ต่ำเกินไปเพื่อให้โน้ตมีน้ำหนัก ใช้ข้อดีของเฟรตสเตนเลสในการสไลด์และดันสายให้ลื่นมือและคุมจังหวะได้ดี
- ผู้ที่เน้นเล่นริธึมหนา ๆ สามารถใช้ฮัมบัคเกอร์ตำแหน่งบริดจ์ร่วมกับชุดสายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เช่น .010–.046 เพื่อเพิ่มมวลเสียงและความแน่นของริฟฟ์
- นักดนตรีที่ต้องเล่นงานยาวหลายเซ็ตควรให้ความสำคัญกับน้ำหนักบอดี้และบาลานซ์เวลาสะพาย บอดี้ไม้เอลเดอร์และคอโรสเต็ดเมเปิลช่วยให้ตัวกีต้าร์ไม่หนักจนเกินไป ลดอาการล้าหลังเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ตัวอย่างการตั้งเสียงสำหรับแนวเพลงยอดนิยม
- แนวป็อปและอินดี้: ใช้ปิ๊กอัพตำแหน่งคอหรือผสมคอกับกลาง เพิ่ม Reverb เล็กน้อยและใช้ Compressor ในระดับอ่อน จะได้โทนคลีนที่ช่วยรองรับเสียงร้องโดยไม่เด่นเกินไป
- แนวบลูส์และร็อกคลาสสิก: เลือกตำแหน่งกลางหรือผสมกลางกับบริดจ์ ใช้ Overdrive ในระดับปานกลาง เพื่อให้แรงมือและไดนามิกส่งผลต่อความแตกของเสียงอย่างรู้สึกได้ชัดเจน
- แนวเมทัลหรือฮาร์ดร็อก: ใช้ฮัมบัคเกอร์ตำแหน่งบริดจ์ เพิ่ม Gain จาก Distortion และลดโทนเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียงแหลมจนฟังเหนื่อย สามารถปรับย่านกลางที่แอมป์เล็กน้อยเพื่อให้ริฟฟ์ฟังแน่นและชัดเจนขึ้น
- งานในสตูดิโอ: ใช้ระบบ dyna-MIX9 ในการอัดหลายแทร็กด้วยตำแหน่งปิ๊กอัพที่ต่างกัน เช่น อัดริธึมหลักด้วยฮัมบัคเกอร์ แล้วอัดเลเยอร์เสริมด้วยซิงเกิลคอยล์ จะช่วยให้เสียงรวมมีความหนาและมีมิติมากขึ้นในมิกซ์สุดท้าย
ทดลองฟังเสียงจริงของการตั้งเสียงแบบต่าง ๆ จากคลิปด้านล่างนี้
คลิป YouTube
เครดิต : iGuitar Music
สรุป: ทำไม กีต้าร์ไฟฟ้า Ibanez AZ22S1F ถึงเป็นทางเลือกที่ครบเครื่องในราคาเข้าถึงง่าย
กีต้าร์ในยุคปัจจุบันต้องตอบโจทย์ทั้งเรื่องโทนเสียง ความทนทาน และความสะดวกในการใช้งาน รุ่น AZ22S1F เป็นตัวอย่างของกีต้าร์ที่ผสมองค์ประกอบเหล่านี้ได้อย่างลงตัว ทั้งวัสดุที่เลือกใช้ ระบบปิ๊กอัพที่ครอบคลุมหลายแนว ฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้ และความรู้สึกในการเล่นที่เหมาะกับผู้เล่นหลายระดับ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มองหากีต้าร์ตัวเดียวที่ใช้ได้ทั้งซ้อม อัดเสียง และขึ้นเวที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเซ็ตอัปหรือปัญหาเสียงเพี้ยนระหว่างการแสดง
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
รีวิวโดย gooddymusic
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น