สำหรับคนเล่นกีต้าร์ที่กำลังมองหาเครื่องดนตรีไฟฟ้าหนึ่งตัวที่พาไปได้ทุกสถานการณ์ ทั้งการซ้อม การเล่นสด ไปจนถึงการบันทึกเสียงในสตูดิโอ รุ่นเรือธงจาก Fender รุ่นนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะถูกออกแบบมาให้รองรับสไตล์การเล่นสมัยใหม่ได้ครบถ้วน กีต้าร์ไฟฟ้า Fender American Ultra II Telecaster คือการผสมผสานระหว่างเอกลักษณ์ความคลาสสิกของ Telecaster เข้ากับเทคโนโลยีและงานผลิตระดับมืออาชีพ ทำให้ได้ทั้งโทนเสียงที่แม่นยำ ความสบายมือ และความทนทานในระยะยาว
ภาพรวมการออกแบบของ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender American Ultra II Telecaster
ซีรีส์ American Ultra ถูกพัฒนาขึ้นให้เป็นไลน์กีต้าร์แนวโมเดิร์นของ Fender ที่ให้ความสำคัญกับ “ความรู้สึกเวลาเล่น” เป็นหลัก ตั้งแต่การออกแบบทรงบอดี้ มุมโค้งบริเวณลำตัว ไปจนถึงการเลือกใช้ฮาร์ดแวร์และปิ๊กอัพ ทุกส่วนถูกคิดมาเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกว่ากีต้าร์ตอบสนองได้ทันใจ ไม่ว่าจะเล่นคอร์ดเป็นจังหวะหรือเล่นไลน์เมโลดี้ต่อเนื่อง
ตัวบอดี้ยังคงใช้ทรง Telecaster ที่หลายคนคุ้นเคย แต่มีการเพิ่มส่วนเว้าด้านหลังลำตัว (body contour) และบริเวณช่วงต่อคอให้โค้งมนขึ้น ทำให้เวลาเล่นเฟรตลึก ๆ ไม่รู้สึกว่ามือไปติดขอบบอดี้ เหมาะมากกับคนที่ชอบเล่นท่อนโซโล่บนเฟรตสูง หรือใช้เทคนิคเลื่อนมือยาว ๆ บนคอเป็นประจำ
วัสดุระดับพรีเมียมและงานประกอบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
วัสดุที่เลือกใช้ในรุ่นนี้อยู่ในระดับเดียวกับกีต้าร์สำหรับมืออาชีพ เน้นทั้งคุณภาพเสียง ความเสถียร และความแข็งแรงเมื่อใช้งานจริงเป็นเวลานาน หากดูทั้งตัวบอดี้ คอ ฟิงเกอร์บอร์ด รวมไปถึงฮาร์ดแวร์ จะเห็นได้ว่าทุกรายละเอียดถูกเลือกมาอย่างตั้งใจ
บอดี้ไม้เอลเดอร์ (Alder) เสียงบาลานซ์ เล่นได้หลายแนว
บอดี้ของรุ่นนี้ทำจากไม้เอลเดอร์คัดเกรด ซึ่งเป็นไม้ที่ใช้กับกีต้าร์ Fender มายาวนาน จุดเด่นคือให้โทนเสียงที่บาลานซ์ทุกย่าน เสียงกลางชัด ไม่บางเกินไปและไม่ทึบเกินไป จึงใช้ได้ทั้งเสียงคลีนใส ๆ และเสียงแตกที่ยังคุมรายละเอียดของโน้ตได้ดี เมื่อนำไปต่อกับเอฟเฟคหรือแอมป์หลายรูปแบบ โทนเสียงยังคงนิ่งและตอบสนองดี
พื้นผิวภายนอกเคลือบด้วย Gloss Urethane ให้ผิวสัมผัสที่เงางาม ดูพรีเมียม และช่วยปกป้องเนื้อไม้จากความชื้นและรอยขีดข่วนในระดับหนึ่ง เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องพากีต้าร์ขึ้นเวทีหรือออกงานบ่อย ๆ
คอ Quartersawn Maple และฟิงเกอร์บอร์ดที่เล่นสบาย
คอทำจากไม้เมเปิลแบบ quartersawn ซึ่งมีความแข็งแรงและนิ่งกว่าการตัดไม้แบบทั่วไป ช่วยลดโอกาสคอบิดเมื่อใช้งานในระยะยาว และช่วยส่งผ่านการสั่นของสายไปยังบอดี้ได้ดี ฟิงเกอร์บอร์ดมีให้เลือกทั้ง Maple และ Ebony (ขึ้นอยู่กับสีตัวกีต้าร์) ซึ่งให้สัมผัสต่างกันเล็กน้อย แต่รองรับการเล่นระดับมืออาชีพได้ทั้งคู่
ทรงคอเป็น Modern “D” ให้ความรู้สึกเต็มมือกว่าทรง C แบบดั้งเดิมเล็กน้อย แต่ไม่หนาจนเกินไป เหมาะทั้งกับคนที่ชอบเล่นคอร์ดแน่น ๆ และคนที่เน้นเล่นไลน์เดี่ยว ด้านหลังคอเคลือบผิวด้าน (Ultra Satin) ทำให้เลื่อนมือได้ลื่น ไม่ฝืด และไม่รู้สึกเหนียวเวลาเล่นเป็นเวลานาน
อีกจุดสำคัญคือฟิงเกอร์บอร์ดแบบ compound radius 10–14 นิ้ว ช่วงเฟรตต้นจะโค้งกำลังดีสำหรับเล่นคอร์ด ส่วนช่วงเฟรตปลายจะค่อย ๆ แบนลงเพื่อให้ดันสายและโซโล่ได้ง่ายขึ้นโดยไม่เกิดเสียงสายติดเฟรต สำหรับคนที่ชอบเล่นไลน์โซโล่บนเฟรตสูงจะรู้สึกถึงความต่างได้ชัดเจน
ระบบปิ๊กอัพของ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender American Ultra II Telecaster แบบ Ultra II Noiseless™ ชัดใสแต่ไร้เสียงฮัม
หัวใจของโทนเสียงในรุ่นนี้คือปิ๊กอัพ Ultra II Noiseless™ Vintage Tele จำนวนสองตำแหน่ง หน้า–หลัง ให้บุคลิกเสียงแบบ Telecaster ดั้งเดิม คือเสียงใส คม มีความ “twang” ในย่านกลาง–แหลม แต่ลดปัญหาเสียงฮัมที่มักพบในปิ๊กอัพ single-coil รุ่นเก่า ๆ ได้อย่างชัดเจน
ลักษณะเสียงโดยรวมสามารถสรุปให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้
- เสียงคลีนใส เคลียร์ และแยกโน้ตได้ชัดเจน เหมาะกับการเล่นคอร์ดเปิดและไลน์เมโลดี้
- เมื่อใช้เสียงแตก จะได้เนื้อเสียงที่อุ่นขึ้น แต่ยังคงไดนามิกและรายละเอียดของโน้ต
- รองรับแนวดนตรีได้หลากหลาย ทั้งป๊อป ร็อก บลูส์ แจ๊ส และ fusion
สวิตช์ S-1 เพิ่มน้ำหนักและมิติของโทนเสียง
อีกจุดเด่นสำคัญคือสวิตช์ S-1 ที่อยู่บนปุ่มโวลุ่มหลัก เมื่อกดลง วงจรปิ๊กอัพจะเปลี่ยนเป็นการต่อแบบอนุกรม (series) ทำให้โทนเสียงหนาและอัดแน่นขึ้นกว่าโหมดปกติ เหมาะมากสำหรับท่อนริฟที่ต้องการเสียงเต็ม หรือโซโล่ที่ต้องการความเข้มของเสียงใกล้เคียงปิ๊กอัพ humbucker แต่ยังคงคาแรกเตอร์ Telecaster อยู่
เมื่อใช้งานจริง ผู้เล่นจึงมีโทนให้เลือกใช้ได้หลายแบบจากกีต้าร์เพียงตัวเดียว ลดความจำเป็นในการเปลี่ยนกีต้าร์หลายตัวระหว่างการซ้อมหรือเล่นสด
ฮาร์ดแวร์ระดับโปรและความเสถียรในการใช้งานจริง
ฮาร์ดแวร์ของรุ่นนี้ถูกเลือกมาให้รองรับการใช้งานจริงทั้งบนเวทีและในสตูดิโอ เน้นความมั่นคงของการตั้งสายและความรู้สึกขณะเล่นเป็นหลัก เพื่อให้ผู้เล่นมั่นใจได้ว่ากีต้าร์จะไม่แผ่วลงกลางเพลงสำคัญ
บริดจ์ 6 saddle แบบ Strings-Through-Body
บริดจ์เป็นแบบ 6 saddle ที่ร้อยสายทะลุด้านหลังบอดี้ (strings-through-body) ช่วยให้การถ่ายทอดแรงสั่นของสายลงสู่ตัวกีต้าร์มีประสิทธิภาพดี ทำให้ได้ซัสเทนที่ยาวขึ้น และยังสามารถปรับตั้ง intonation ได้ละเอียดทุกสาย เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการความตรงของเสียงทั้งในงานบันทึกเสียงและการเล่นร่วมกับวงเต็มรูปแบบ
ลูกบิดล็อกสายและฮาร์ดแวร์ชุบโครม
ลูกบิดเป็นแบบล็อกสาย (Deluxe Locking Tuners) ช่วยให้เปลี่ยนสายได้รวดเร็ว ลดการคลอนของสาย และช่วยให้สายคงที่มากขึ้น ลดโอกาสเพี้ยนระหว่างเล่น โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้เทคนิคดันสายหรือเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน ฮาร์ดแวร์ส่วนอื่น ๆ ใช้การชุบนิกเกิลและโครม เพื่อความทนทานและให้ภาพลักษณ์ที่เรียบร้อยแข็งแรงในระยะยาว
ประสบการณ์ใช้งานจริงและความรู้สึกเวลาเล่น
เมื่อได้ทดลองเล่นจริง หลายคนจะสังเกตได้ทันทีว่ากีต้าร์รุ่นนี้มีน้ำหนักตัวบาลานซ์ ไม่หนักหรือเบาเกินไป ส่วนคอให้ความรู้สึกจับถนัดมือ การเลื่อนมือจากเฟรตล่างไปเฟรตบนทำได้อย่างลื่นไหล ขอบฟิงเกอร์บอร์ดที่เก็บงานให้โค้งมนช่วยลดความรู้สึกบาดนิ้วเมื่อเล่นคอร์ดหรือโซโล่เป็นเวลานาน
การตอบสนองของเสียงดีทั้งเมื่อเล่นเบาและเล่นแรง ผู้เล่นที่ชอบควบคุมอารมณ์เพลงด้วยน้ำหนักปิ๊กจะรู้สึกว่ากีต้าร์ตัวนี้ถ่ายทอดไดนามิกตามมือได้ค่อนข้างตรง ทำให้ควบคุมความดังเบาและอารมณ์ของเพลงได้ง่ายขึ้น ทั้งในการเล่นสดและการบันทึกเสียง
การใช้งานในแนวดนตรีต่าง ๆ
แม้ Telecaster จะมีภาพจำว่าเหมาะกับแนวคันทรีหรือร็อกคลาสสิก แต่รุ่นนี้ถูกออกแบบให้ยืดหยุ่นกว่านั้นมาก เมื่อผสมปิ๊กอัพ Noiseless เข้ากับสวิตช์ S-1 จะทำให้รองรับแนวดนตรีได้กว้างขึ้นอย่างชัดเจน
- ป๊อป / ร็อกทั่วไป: เสียงคอร์ดชัด แยกโน้ตดี ไม่ทับกันเมื่อเล่นร่วมกับเครื่องดนตรีอื่นหลายชิ้น
- บลูส์: ตอบสนองน้ำหนักมือดี เหมาะกับการดันสาย เล่นโน้ตลากยาว และใส่ลูกเล่นทางอารมณ์
- แจ๊ส / fusion: เมื่อลดโทนลงเล็กน้อยจะได้เสียงอุ่น นุ่ม แต่ยังคงรายละเอียดของโน้ต เหมาะกับโซโล่ที่ต้องการความชัดและมีมิติ
- ร็อกสมัยใหม่หรือแนว metal เบา ๆ: เมื่อเปิดโหมด series แล้วใช้เสียงแตกจากแอมป์หรือเอฟเฟค จะได้ริฟที่หนา แน่น และยังคุมความคมของโน้ตได้ดี
ด้วยความยืดหยุ่นนี้ ผู้เล่นจึงสามารถใช้กีต้าร์ตัวเดียวผ่านงานดนตรีได้หลายประเภท โดยไม่รู้สึกว่าถูกจำกัดด้วยคาแรกเตอร์เสียงของตัวกีต้าร์มากเกินไป
การดูแลรักษาและการตั้งค่ากีต้าร์เพื่อการใช้งานระยะยาว
กีต้าร์ระดับนี้หากดูแลอย่างเหมาะสมจะใช้งานได้ยาวนานหลายปีโดยไม่ต้องซ่อมใหญ่ สิ่งสำคัญคือการทำความสะอาดเป็นประจำ และการตั้งค่าพื้นฐานให้เข้ากับสไตล์การเล่นของผู้ใช้แต่ละคน
การตั้งคอ ความสูงของสาย และ intonation ให้เหมาะกับผู้เล่น
การตั้งคอด้วย truss rod ความสูงของสาย (action) และ intonation เป็นองค์ประกอบที่มีผลโดยตรงต่อความรู้สึกเวลาเล่น หากความสูงของสายมากเกินไปจะรู้สึกเมื่อยมือ และถ้าต่ำเกินไปอาจเกิดเสียงสายติดเฟรต ควรให้ช่างที่ชำนาญช่วยตั้งค่าตามแนวทางการเล่นของแต่ละคน เช่น เน้นตีคอร์ดแรง ๆ หรือเน้นโซโล่เร็ว ๆ เพื่อให้กีต้าร์ตอบสนองได้ดีที่สุด
การดูแลบอดี้ ฟิงเกอร์บอร์ด และฮาร์ดแวร์
หลังเล่นทุกครั้งควรใช้ผ้านุ่มเช็ดเหงื่อบนสาย บอดี้ และฟิงเกอร์บอร์ด เพื่อป้องกันการสะสมของคราบและลดโอกาสเกิดสนิมบนฮาร์ดแวร์ หากต้องการใช้น้ำยาทำความสะอาดควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องดนตรีโดยเฉพาะ จะช่วยยืดอายุสาย เฟรต และผิวบอดี้ให้ดูใหม่อยู่เสมอ โดยไม่ทำให้สารเคลือบเสียหาย
ความคุ้มค่าและผู้ที่เหมาะกับ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender American Ultra II Telecaster รุ่นนี้
เมื่อมองภาพรวมจะเห็นว่ารุ่นนี้จัดอยู่ในกลุ่มราคาพรีเมียม แต่สิ่งที่ผู้เล่นได้รับกลับมาคือมาตรฐานงานประกอบระดับสูง วัสดุคัดเกรด ระบบปิ๊กอัพที่ใช้งานได้จริงในหลายสถานการณ์ และความสบายมือที่ช่วยให้เล่นได้นานโดยไม่เมื่อยง่าย
รุ่นนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ
- มือกีต้าร์ที่ต้องการกีต้าร์ตัวหลักเพียงตัวเดียว ใช้ได้ทั้งซ้อม การเล่นสด และการอัดเสียง
- นักดนตรีอาชีพที่ต้องการความเสถียรของโทนเสียงและการตั้งสายในทุกสถานการณ์
- คนที่ชอบเสียง Tele แบบดั้งเดิม แต่ต้องการเวอร์ชันที่เงียบ ปราศจากเสียงฮัม และมีโหมดเสียงให้เลือกมากขึ้น
- ผู้ที่มองหากีต้าร์ระดับเรือธงของ Fender ที่ใช้งานได้จริง ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อสะสม
ทำไม กีต้าร์ไฟฟ้า Fender American Ultra II Telecaster จึงเป็นตัวเลือกชั้นยอดสำหรับมืออาชีพ
เมื่อพิจารณาทั้งในด้านโทนเสียง ความสบายมือ วัสดุที่ใช้ และฟังก์ชันต่าง ๆ จะเห็นว่ารุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้เล่นที่จริงจังกับการเล่นดนตรีอย่างแท้จริง กีต้าร์ตัวเดียวสามารถพาไปได้ตั้งแต่เวทีเล็ก คาเฟ่ บาร์ ไลฟ์เฮาส์ ไปจนถึงงานคอนเสิร์ตและการอัดเสียงในสตูดิโอ
สำหรับคนที่ต้องการลงทุนกับกีต้าร์คุณภาพสูงสักหนึ่งตัวที่พกไปได้ทุกงาน และต้องการความมั่นใจว่าทั้งเสียงและความรู้สึกเวลาเล่นจะตอบสนองได้อย่างสม่ำเสมอ รุ่นนี้คือหนึ่งในตัวเลือกที่ควรลองด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะมีโอกาสสูงมากที่เมื่อได้ลองแล้วจะรู้สึกว่า “กีต้าร์ตัวนี้ตอบโจทย์ได้ครบ” โดยไม่จำเป็นต้องมองหารุ่นอื่นเพิ่มเติม
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
รีวิวโดย gooddymusic








ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น