เสน่ห์งานสร้างญี่ปุ่นใน Fender Traditional II Late 60s ที่มือกีต้าร์ยุคใหม่ควรรู้

แบนเนอร์โปรโมชัน Fender Traditional II Late 60s รุ่นลิมิเต็ดเอเชีย 2024 พร้อมกีต้าร์ไฟฟ้าทรง Strat และผ่อน 0% นานสิบเดือนจาก CT Music

    กีต้าร์ไฟฟ้าที่ให้บรรยากาศวินเทจยุค 60s แต่ยังเล่นง่ายและเข้ากับสไตล์คนยุคใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะรุ่นที่ผสมผสานโทนเสียงแบบดั้งเดิมเข้ากับงานประกอบอย่างประณีตแบบญี่ปุ่น หนึ่งในรุ่นที่ถูกพูดถึงบ่อยคือ Fender Traditional II Late 60s จากซีรีส์ Made in Japan Traditional ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องงานไม้ละเอียด โทนเสียงนิ่ง เสถียร และให้ความรู้สึกมั่นใจเวลาจับเล่น รีวิวนี้จะพาคุณค่อย ๆ ไล่ดูทีละส่วนว่ากีต้าร์รุ่นนี้สร้างอย่างไร ใช้วัสดุแบบใด ให้โทนเสียงลักษณะใด และเหมาะกับสไตล์การเล่นแบบใดบ้าง เพื่อให้ทั้งมือใหม่และคนที่เล่นมาสักพักใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น


โครงสร้างและสเปกการสร้างของกีต้าร์รุ่นนี้

กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Traditional II Late 60s ตัวเต็มทั้งตัว สีขาวคอเมเปิลจากซีรีส์ญี่ปุ่น วางเด่นบนพื้นหลังสีขาวโล่ง

    จุดตั้งต้นของรุ่นนี้คือบอดี้ทรง Stratocaster ที่หลายคนคุ้นตา แต่เลือกใช้ไม้เบสวูดเป็นหลัก ไม้ชนิดนี้มีน้ำหนักปานกลาง ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ให้ย่านเสียงกลางชัด เสียงไม่บางและไม่ทึบ เหมาะทั้งการเล่นเสียงคลีนและเสียงแตกในระดับปานกลาง ผิวบอดี้เคลือบเงาด้วยโพลีเอสเตอร์ ทำให้ตัวกีต้าร์ดูเงางามและทำความสะอาดได้ง่าย เพียงใช้ผ้านุ่มเช็ดหลังเล่นก็ช่วยลดคราบเหงื่อและฝุ่นได้ เหมาะกับคนที่ต้องพกกีต้าร์ไปซ้อมหรือเล่นงานต่าง ๆ บ่อย ๆ


     คอและฟิงเกอร์บอร์ดทำจากไม้เมเปิลทั้งคู่ ให้สัมผัสแน่นและตอบสนองไวเมื่อดีดสาย ทรงคอเป็นแบบตัว "U" ซึ่งมีเนื้อคอเต็มมือมากกว่าทรง C เล็กน้อย เวลาโอบคอจะให้ความรู้สึกมั่นคง โดยเฉพาะเวลาเล่นคอร์ดบาร์ต่อเนื่องหรือเล่นริธึมที่ต้องใช้แรงมือซ้ายมาก มือใหม่อาจรู้สึกว่าคอเต็มมือกว่าที่คุ้นเคย แต่เมื่อเล่นไปสักพักจะพบว่าสามารถควบคุมจังหวะและน้ำหนักนิ้วได้มั่นคงขึ้น


     ฟิงเกอร์บอร์ดมีความโค้งประมาณ 9.5 นิ้ว ซึ่งถือเป็นค่ากลางที่เล่นได้สะดวก ทั้งเวลาวางคอร์ดและเวลาต้องดันสายให้เสียงสูงขึ้น (bend) ก็ทำได้โดยไม่ฝืดมือ ความโค้งระดับนี้ไม่มากจนสายโน้ตชนกันง่าย และไม่แบนจนรู้สึกว่าจับคอแล้วไม่ถนัดมือ เฟรตที่ให้มาเป็นเฟรตสไตล์วินเทจขนาดเล็ก จำนวน 21 เฟรต ให้ความรู้สึกแนบไปกับไม้มากกว่ากีต้าร์ที่ใช้เฟรตขนาดใหญ่ จึงช่วยให้ควบคุมเสียงและอินโทนเนชัน (ความตรงของเสียงในแต่ละช่องเฟรต) ได้ดี ผู้ที่ชอบฟีลกีต้าร์ยุคเก่ามักจะถูกใจกับสัมผัสแบบนี้


จุดเด่นด้านภาคไฟฟ้าและฮาร์ดแวร์

     ในส่วนของภาคไฟฟ้า รุ่นนี้ใช้ปิ๊กอัพแบบ single-coil จำนวน 3 ตัวในตำแหน่งหน้า กลาง และหลัง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทรง Strat มาแต่เดิม โทนเสียงที่ได้จะใส ชัด และมีรายละเอียดของโน้ตครบ โดยเฉพาะตอนเล่นคลีนหรือเสียงแตกบาง ๆ จะได้ยินน้ำหนักมือและตำแหน่งการดีดสายชัดเจน เหมาะกับคนที่ชอบควบคุมโทนด้วยนิ้วของตัวเอง

มุมใกล้บอดี้กีต้าร์ไฟฟ้าทรง Stratocaster สีขาว โชว์บริดจ์เทรโมโล ปุ่มโทนโวลุม และปิ๊กอัพซิงเกิลคอยล์เรียงครบ

     ชุดคอนโทรลของกีต้าร์รุ่นนี้ประกอบด้วยปุ่มโวลุมหลัก 1 ปุ่ม ปุ่มโทน 2 ปุ่ม และสวิตช์เลือกปิ๊กอัพแบบ 5 ทาง ซึ่งถือเป็นเลย์เอาต์มาตรฐานที่ผู้เล่น Strat ส่วนใหญ่คุ้นเคยดี ตำแหน่งปิ๊กอัพแต่ละตำแหน่งให้ลักษณะเสียงต่างกัน เช่น ตำแหน่งหน้าให้โทนอุ่น นุ่ม ฟังสบาย ตำแหน่งกลางให้เสียงสมดุล เหมาะทั้งการเล่นริธึมและโซโล่ในตำแหน่งเดียว ส่วนปิ๊กอัพที่หย่องให้เสียงคมและพุ่ง เหมาะกับริฟฟ์หรือท่อนโซโล่ที่ต้องการให้เสียงเด่นชัดในวง นอกจากนี้ตำแหน่งผสม 2 และ 4 ยังให้เสียงใส โปร่ง และเบาลงเล็กน้อย เหมาะกับแนวฟังก์หรือป๊อปที่ต้องการโทนเสียงคลีนใส ชัดเจน และมีปลายเสียงเป็นประกายฟังดูมีรายละเอียด


     ฮาร์ดแวร์หลักที่มีผลต่อการเล่นคือบริดจ์แบบ 6-Saddle Vintage-Style Synchronized Tremolo ข้อดีคือสามารถตั้งความยาวสายและอินโทนเนชันของแต่ละสายได้ละเอียด และใช้คันโยกปรับระดับเสียงให้สูงหรือต่ำลงได้อย่างนุ่มนวล ลูกบิดเป็นแบบมีตัวอักษร "F" ปั๊มบนหัว สื่อถึงความเป็น Fender สายวินเทจ ทั้งยังตั้งสายได้เสถียรดี สีฮาร์ดแวร์เป็นโครม/นิกเกิล ช่วยให้ภาพรวมของตัวกีต้าร์ดูคลาสสิกและเข้ากับบอดี้ได้แทบทุกสี


     สายที่ติดมาจากโรงงานเป็นสายเหล็กเคลือบนิกเกิลขนาด .009-.042 ซึ่งถือว่าไม่ตึงมาก มือใหม่จึงเล่นได้สบายและเบนด์สายได้ง่าย เมื่อเริ่มคุ้นมือแล้ว หากอยากได้เสียงหนาขึ้นเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนไปใช้สายเบอร์ .010 ได้ โดยความรู้สึกในการเล่นยังใกล้เคียงเดิม


ความพิเศษของซีรีส์ Made in Japan Traditional

     ซีรีส์ Traditional ที่ผลิตในญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องงานประกอบเรียบร้อยและมาตรฐานคงที่ กีต้าร์แต่ละตัวผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนออกจากโรงงาน ทำให้เมื่อแกะจากกล่องมักจะเซ็ตอัปมาค่อนข้างพร้อมใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาตั้งคอ ตั้งสะพานสาย หรือปรับฮาร์ดแวร์ใหม่มากนัก ทั้งคอ บอดี้ และชิ้นส่วนโลหะต่าง ๆ ประกอบเข้าหากันได้แน่นและเรียบเนียน

หัวกีต้าร์ไฟฟ้าคอเมเปิลโทนสว่าง เห็นฟิงเกอร์บอร์ดและลูกบิดชุบโครมเรียงตัวบนหัวทรงสตรัทคลาสสิกบนพื้นหลังสีขาว

     แนวคิดของซีรีส์นี้คือหยิบบุคลิกของ Strat ยุคปลาย 60s กลับมาเล่าใหม่ในแบบที่ใช้ได้จริงกับการเล่นในปัจจุบัน รายละเอียดเล็ก ๆ เช่น รูปทรงหัวกีต้าร์ เส้นสายของบอดี้ ปุ่มคอนโทรล และชิ้นส่วนอื่น ๆ ถูกออกแบบให้ดูใกล้เคียงรุ่นเก่า แต่ปรับให้น้ำหนักและสัมผัสเหมาะกับผู้เล่นยุคใหม่ คนที่เคยลองกีต้าร์ที่ผลิตในอเมริกาหรือเม็กซิโกมาก่อน มักรู้สึกว่ารุ่นที่ผลิตในญี่ปุ่นให้สัมผัสที่กระชับ เนียน และมีความประณีตในแบบของตัวเอง


     สิ่งที่ทำให้หลายคนมองว่าซีรีส์นี้คุ้มค่า คือราคาที่ยังไม่สูงเท่ารุ่นระดับเรือธง แต่ได้งานประกอบและคุณภาพเสียงที่เชื่อถือได้ ใช้ขึ้นงานจริงได้โดยไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะรุ่นที่ทำสำหรับตลาดเอเชียซึ่งมักมีจำนวนผลิตไม่มาก จึงเหมาะทั้งคนที่อยากได้กีต้าร์คู่ใจใช้งานระยะยาว และคนที่มองในมุมสะสมไปพร้อมกัน


สไตล์การเล่นและโทนเสียงของ Fender Traditional II Late 60s

     ในด้านโทนเสียง กีต้าร์รุ่นนี้เน้นความใสและความชัดของโน้ต ตอบสนองตามน้ำหนักมือได้ตรงไปตรงมา เมื่อใช้แอมป์เสียงคลีนแล้วเติมคอมเพรสเซอร์เล็กน้อย จะได้เสียงที่เรียงโน้ตชัดเจนต่อเนื่อง เหมาะกับแนวป๊อปร็อก ฟิวชัน กอสเปล หรือเพลงบรรเลงที่ต้องการให้ได้ยินทุกโน้ตอย่างชัดเจน หากต้องการโทนบลูส์หรือร็อกคลาสสิก เพียงเพิ่มโอเวอร์ไดรฟ์อ่อน ๆ ก็จะได้เสียงที่มีความกัดเล็กน้อยแต่ยังควบคุมง่าย ไม่แตกจัดจนฟังล้าหู


     ปิ๊กอัพตำแหน่งหน้าเหมาะมากกับเมโลดี้ช้า ๆ หรือโซโล่ที่ต้องการโทนนุ่มและลึก ตำแหน่งกลางใช้เล่นคอร์ดหรือริธึมต่อเนื่องได้ดี เพราะเสียงไม่บางและไม่หนาเกินไป ส่วนตำแหน่งหย่องเมื่อใช้คู่กับเอฟเฟคแตก จะให้เสียงแหลมชัด เหมาะกับริฟฟ์หรือท่อนโซโล่ที่ต้องการให้เด่นในวง การสลับไปใช้ตำแหน่ง 2 และ 4 จะช่วยเพิ่มมิติให้กับเสียงคลีน เหมาะสำหรับคนที่ชอบตีคอร์ดฟังก์หรือจังหวะที่ต้องการให้สายมีความเด้งและสดใส


การใช้งานจริงและประสบการณ์เล่นกับ Fender Traditional II Late 60s

     เมื่อลองใช้งานจริง จุดที่หลายคนสังเกตได้ชัดคือสมดุลของน้ำหนักกีต้าร์ บอดี้และคอไม่หนักไปด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้ยืนเล่นนาน ๆ แล้วไม่รู้สึกเสียสมดุล ทรง Strat ที่มีส่วนเว้ารองรับลำตัวและแขนช่วยให้เล่นได้สบาย แม้นั่งเล่นบนเก้าอี้ก็ยังจัดท่าทางได้ง่าย


     คอทรง "U" ให้ความรู้สึกมั่นคงเวลาเล่นคอร์ดบาร์หรือเล่นริธึมเป็นหลัก ผู้ที่เคยชินกับคอบางอาจต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย แต่ข้อดีคือเมื่อเริ่มชินแล้วจะรู้สึกว่ามีพื้นที่ให้จับเต็มมือ และควบคุมคอร์ดได้แน่นขึ้น สำหรับคนที่เล่นทั้งในห้องซ้อม บนเวที และในสตูดิโอ รุ่นนี้ถือว่ารองรับงานได้หลากหลาย เพราะให้โทนเสียงที่บันทึกง่าย ตั้งค่าแอมป์ไม่ยุ่งยาก และเข้ากับเอฟเฟคหลายประเภท


     ตัวกีต้าร์มาพร้อมกิ๊กแบ็กจากโรงงาน ทำให้สะดวกในการพกพาไปซ้อมหรือเล่นนอกสถานที่โดยไม่ต้องหากระเป๋าใหม่ทันที แม้จะไม่ป้องกันแรงกระแทกได้เท่ากับเคสแข็ง แต่ก็ช่วยลดโอกาสเกิดรอยขีดข่วนและรองรับแรงกระแทกเบา ๆ ระหว่างการเดินทางได้ดี เหมาะกับคนที่ต้องยกกีต้าร์ขึ้นรถสาธารณะหรือเดินทางบ่อย


เคล็ดลับการตั้งค่าแอมป์และเอฟเฟคสำหรับกีต้าร์ทรง Strat

     ถ้าอยากให้กีต้าร์ทรง Strat แสดงศักยภาพของปิ๊กอัพ single-coil ได้เต็มที่ การตั้งค่าแอมป์มีผลมาก แนะนำให้ปรับย่านเสียงกลางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ลดเสียงเบสลงเล็กน้อย และหลีกเลี่ยงการเปิดเสียงแหลมสูงจนบาดหู วิธีนี้จะช่วยให้เสียงโดยรวมฟังสบาย หาโทนที่เหมาะกับวงได้ง่าย และไม่ล้าหูเมื่อฟังนาน ๆ หากใช้แอมป์ที่มีช่องเสียงแตกในตัว ให้เริ่มจากเกนระดับต่ำแล้วค่อย ๆ เพิ่ม โดยคอยฟังว่าความชัดของโน้ตยังอยู่ครบหรือไม่


     สำหรับเอฟเฟค กลุ่มพื้นฐานที่เข้ากันดีกับ Strat ได้แก่คอมเพรสเซอร์ โอเวอร์ไดรฟ์ และดีเลย์แบบสั้น สามารถจัดลำดับการต่อสัญญาณแบบง่าย ๆ เป็น คอมเพรสเซอร์ → โอเวอร์ไดรฟ์ → ดีเลย์ → รีเวิร์บ แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานส่วนใหญ่แล้ว หากต้องการโทนเสียงใส เน้นจังหวะชัด ให้เลือกใช้ปิ๊กอัพตำแหน่ง 2 หรือ 4 และลดเกนของโอเวอร์ไดรฟ์ลง จะได้โทนเสียงที่ตอบสนองชัดเจนและใส โดยที่เสียงแตกไม่รุนแรงจนฟังล้าหู


การดูแลรักษากีต้าร์ไฟฟ้าเมเปิลเน็คและบอดี้เคลือบเงา

     การดูแลกีต้าร์อย่างสม่ำเสมอช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาโทนเสียงให้คงที่ โดยเฉพาะคอและฟิงเกอร์บอร์ดเมเปิลที่มีผิวเคลือบ หากปล่อยให้เหงื่อและคราบสกปรกสะสม อาจทำให้ผิวหมองหรือเป็นรอยได้ ควรใช้ผ้านุ่มแห้งเช็ดคอและบอดี้ทุกครั้งหลังเล่น หากต้องการทำความสะอาดลึกขึ้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับกีต้าร์โดยเฉพาะแทนน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป


     เรื่องอุณหภูมิและความชื้นก็สำคัญเช่นกัน ควรหลีกเลี่ยงการวางกีต้าร์ไว้ในที่ร้อนจัด ชื้นจัด หรือโดนแดดโดยตรงเป็นเวลานาน หากต้องพกกีต้าร์ไปในสถานที่ที่มีสภาพอากาศต่างจากที่เก็บมาก เช่น จากห้องปรับอากาศออกไปกลางแจ้ง ควรปล่อยให้กีต้าร์ปรับอุณหภูมิในกระเป๋าสักพักก่อนเปิดออก เพื่อลดโอกาสที่ไม้จะหดหรือขยายอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนสายเป็นประจำ ตั้งสายให้ตรง และตรวจเช็คสกรูหรือนอตต่าง ๆ ไม่ให้หลวม ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้กีต้าร์พร้อมใช้งานอยู่เสมอ


สรุปภาพรวมและกลุ่มผู้เล่นที่เหมาะสม

     เมื่อมองภาพรวม จะเห็นว่ากีต้าร์ไฟฟ้าทรง Strat รุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบโทนวินเทจยุคปลาย 60s แต่ต้องการความมั่นใจในคุณภาพงานประกอบแบบญี่ปุ่น ตัวกีต้าร์ใช้ไม้ที่ให้โทนเสียงสมดุล คอทรงเต็มมือแต่ยังเล่นได้ไม่ยาก เฟรตขนาดเล็กให้ความรู้สึกคลาสสิก และภาคไฟฟ้ารองรับแนวเพลงได้หลากหลาย ตั้งแต่ป๊อปร็อก บลูส์ ไปจนถึงอินดี้และงานบรรเลง


     ถ้าคุณกำลังมองหากีต้าร์เพียงตัวเดียวที่ใช้ได้ทั้งในห้องซ้อม งานเล่นสด และงานบันทึกเสียง รุ่นนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าพิจารณา เพราะให้ทั้งโทนเสียงดี จับถนัดมือ และมีบุคลิกชัดเจน เป็นเครื่องดนตรีที่ไม่ได้มีไว้แค่ตั้งโชว์ แต่พร้อมเป็นคู่หูในการเล่นดนตรีในระยะยาว

หมายเหตุ : มีคลิปให้ฟังเสียงจริง ความยาว 0.37 นาที

คลิป YouTube
เครดิต : Jamcrew Music Studio


สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่


🛒สั่งซื้อได้ที่นี่


รีวิวโดย gooddymusic

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น