เปลี่ยนเสียงกีต้าร์ของคุณให้น่าทึ่งด้วย เอฟเฟคกีต้าร์ Friedman BE-OD Deluxe

เอฟเฟคกีต้าร์ Friedman BE-OD Deluxe มุมมองตรงจากด้านบน แสดงปุ่มควบคุมครบทั้งสองแชนแนล

     เสียงกีต้าร์ที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องของฝีมือหรือเครื่องดนตรีเท่านั้น แต่การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอารมณ์และสไตล์การเล่นได้อย่างชัดเจน หนึ่งในอุปกรณ์ที่นักดนตรีสายร็อกและเมทัลมักให้ความสนใจคือ เอฟเฟคกีต้าร์ Friedman BE-OD Deluxe ซึ่งตอบโจทย์ทั้งในแง่ของคุณภาพเสียงและความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่างแท้จริง


เอฟเฟคกีต้าร์ Friedman BE-OD Deluxe คืออะไร?

เอฟเฟคกีต้าร์ Friedman BE-OD Deluxe จัดวางให้เห็นโลโก้ Friedman ชัดเจนพร้อมรายละเอียดหน้าปัด

     Friedman BE-OD Deluxe เป็นเอฟเฟคก้อนประเภท Overdrive ที่พัฒนาต่อจากเวอร์ชัน BE-OD ดั้งเดิม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากเสียงแอมป์ BE-100 ซึ่งเป็นรุ่น Flagship ของ Friedman ด้วยลักษณะที่โดดเด่นด้านเสียงแตกแบบโมเดิร์นดุดัน เอฟเฟคนี้จึงกลายเป็นที่ต้องการของมือกีต้าร์สายฮาร์ดร็อกไปจนถึงเมทัลในทั่วโลก


     ตัว BE-OD Deluxe มาพร้อมฟังก์ชัน 2 Channel ที่สามารถตั้งค่าระดับ Gain และ EQ แยกจากกันอย่างอิสระ ช่วยให้ผู้เล่นสามารถตั้งโทนเสียงได้ทั้งแบบ Crunch และ Hi-Gain โดยไม่ต้องเปลี่ยนเอฟเฟคหรือปรับแต่งระหว่างเล่น


จุดเด่นที่ทำให้ BE-OD Deluxe แตกต่างจากเอฟเฟคทั่วไป

เอฟเฟคกีต้าร์ Friedman BE-OD Deluxe ถ่ายจากมุมเอียงซ้าย แสดงความลึกของตัวเครื่องและปุ่มปรับ

     การเลือกเอฟเฟคสำหรับกีต้าร์ไฟฟ้านั้นมีหลากหลาย แต่สิ่งที่ทำให้ BE-OD Deluxe โดดเด่นคือความสามารถในการจำลองเสียงของแอมป์ Friedman BE-100 ได้อย่างสมจริง พร้อมทั้งให้เสียงที่อุ่น หนา และตอบสนองไดนามิกได้ดี


  • 2 Channel แยกอิสระ พร้อมปุ่ม Vol, Bass, Mid, Treble, Presence และ Gain สำหรับแต่ละ Channel
  • ปรับ Tight ได้ เพิ่มความคมชัดของเสียงในจังหวะเร็ว
  • ใช้ได้ทั้งระดับเสียงเบาและเสียงดุดันขั้นสุด
  • มี True Bypass ไม่ส่งผลกับโทนเสียงกีต้าร์เมื่อไม่เปิดใช้งาน
  • รองรับไฟ 9-18V DC เพิ่ม Headroom ได้ตามต้องการ


เอฟเฟคกีต้าร์ Friedman BE-OD Deluxe เหมาะกับใคร?

     นักดนตรีที่มองหาเสียงแตกที่ตอบสนองดี และสามารถควบคุมโทนเสียงได้ละเอียดจะชื่นชอบ BE-OD Deluxe อย่างแน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเสียงแบบ Lead Channel ของแอมป์ Friedman แต่ไม่ต้องการพกแอมป์ขนาดใหญ่ไปเล่นทุกที่ เอฟเฟคนี้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่ง


นอกจากนี้ยังเหมาะกับ:

  • นักดนตรีที่เล่นสด และต้องการสลับเสียง Crunch กับ Hi-Gain ได้ในตัวเดียว
  •  ผู้ที่อัดเสียงในสตูดิโอ และต้องการคุณภาพเสียงระดับโปรโดยไม่ต้องใช้แอมป์จริง
  • มือใหม่ที่ต้องการคุณภาพเสียงระดับมืออาชีพโดยไม่ต้องใช้งบประมาณสูงเกินไป


เทคนิคการใช้งานและการตั้งค่าเบื้องต้น

อุปกรณ์เสียงโทนสีดำทองมุมเอียงขวา แสดงปุ่มหมุนและสวิตช์ควบคุมหลายจุด

     สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน BE-OD Deluxe สามารถเริ่มต้นด้วยการตั้งค่าทั้งสอง Channel ให้อยู่ในโทนแตกต่างกัน เช่น Channel 1 สำหรับเสียง Crunch ที่ใช้เล่น Rhythm และ Channel 2 สำหรับเสียง Hi-Gain ในโซโล่ โดยตั้ง Gain ของ Channel 1 ให้ต่ำกว่า และเพิ่ม Presence เล็กน้อยเพื่อความคมชัด ส่วน Channel 2 ให้เร่ง Gain และ Bass เพิ่มพลังเสียง


     ลองปรับ Tight ให้สุดเพื่อลองฟังความแตกต่างในจังหวะเร็ว หรือถ้าอยากให้เสียงมีความ Smooth มากขึ้น ให้ลด Tight ลงเล็กน้อยจะได้ความหนาของเสียงที่ฟังดูนุ่มนวล


เครดิต : Strings Shop

เปรียบเทียบกับเอฟเฟครุ่นอื่นในตลาด

     เมื่อเทียบกับเอฟเฟค Hi-Gain ทั่วไป เช่น ProCo RAT หรือ Boss DS-1 จะเห็นว่า BE-OD Deluxe ให้ความละเอียดของเสียงมากกว่า ทั้งในเรื่องการตอบสนองไดนามิกและการปรับ EQ ที่มีมิติกว่า ซึ่งเหมาะกับนักดนตรีที่ต้องการคาแรคเตอร์เฉพาะตัว


     ขณะที่ถ้าเปรียบเทียบกับรุ่น BE-OD ปกติ BE-OD Deluxe จะมีความยืดหยุ่นสูงกว่าด้วยฟังก์ชัน 2 Channel ที่ปรับอิสระกันได้ ไม่จำเป็นต้องใช้แยกสองก้อนให้เปลืองพื้นที่บนบอร์ดเอฟเฟค


คำแนะนำในการเลือกซื้อเอฟเฟคเสียงแตก

     การเลือกเอฟเฟคเสียงแตกควรดูจากแนวเพลงที่เล่นเป็นหลัก หากคุณเล่นแนวเมทัลหรือฮาร์ดร็อก เอฟเฟคที่ให้ Gain สูงและควบคุมเสียงได้ละเอียด เช่น BE-OD Deluxe จะเหมาะสมที่สุด แต่ถ้าเล่นแนว Blues หรือ Classic Rock เอฟเฟคแบบ Overdrive ที่ให้เสียงแตกอ่อนกว่าอาจตอบโจทย์มากกว่า


     อย่าลืมดูเรื่องของ Bypass ด้วย หากต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด ควรเลือกเอฟเฟคที่เป็น True Bypass และสามารถใช้งานร่วมกับ Power Supply มาตรฐานได้โดยไม่มีเสียงรบกวน


อุปกรณ์เสริมที่แนะนำสำหรับใช้งานร่วมกับ BE-OD Deluxe

อุปกรณ์เสียงมุมมองจากด้านหลัง แสดงช่องเสียบแจ็คและช่องเสียบไฟอย่างชัดเจน

     เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจากเอฟเฟค BE-OD Deluxe ควรเลือกใช้อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมร่วมด้วย:

  • Power Supply คุณภาพสูง: เลือกใช้แบบ Isolated Output เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
  • สายพ่วงเอฟเฟคแบบ Low Capacitance: ช่วยให้สัญญาณเสียงไม่ถูกลดทอนระหว่างทาง
  • Pedalboard ขนาดกลางหรือใหญ่: รองรับการติดตั้ง BE-OD Deluxe พร้อมเอฟเฟคอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว
  • Footswitch (กรณีใช้งานร่วมกับระบบ MIDI): เพื่อควบคุม Channel สลับเสียงได้อย่างรวดเร็ว
  • Buffer Pedal (หากใช้สายยาวมาก): ช่วยรักษาคุณภาพสัญญาณเมื่อใช้สายมากกว่า 6 เมตร


เคล็ดลับการดูแลรักษาเอฟเฟคให้ใช้งานได้นาน

การดูแลเอฟเฟคอย่างเหมาะสมช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพเสียง:

  • เก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น: หลีกเลี่ยงการวางไว้ในที่ร้อนจัดหรือมีความชื้นสูง
  • เช็ดทำความสะอาดหลังใช้งาน: ใช้ผ้าแห้งเช็ดฝุ่นหรือคราบเหงื่อจากการใช้งาน
  • หมั่นตรวจสอบสาย Power และ Input/Output: เพื่อป้องกันสัญญาณหลุดหรือเสียงหายขณะใช้งาน
  • ใช้กระเป๋าหรือเคสกันกระแทก: โดยเฉพาะเวลาพกพาไปซ้อมหรือขึ้นเวที
  • ทดสอบเสียงก่อนใช้งานทุกครั้ง: เพื่อเช็คความพร้อมและลดปัญหาระหว่างแสดงสด


     เอฟเฟคเสียงแตกถือเป็นหัวใจสำคัญของการเล่นกีต้าร์ไฟฟ้า และถ้าคุณกำลังมองหาเอฟเฟคที่ให้เสียงแบบแอมป์ Friedman BE-100 ได้อย่างสมจริง พร้อมความยืดหยุ่นที่เหนือชั้น เอฟเฟคนี้คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม

เอฟเฟคตั้งอยู่บนตู้แอมป์พร้อมแบรนด์ Friedman เป็นฉากหลัง ดูสวยงามและสมจริง

สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่


🛒สั่งซื้อได้ที่นี่

👉 Lazada > ดูรายละเอียดสินค้าใน Lazada

👉 Shopee > ดูรายละเอียดสินค้าใน Shopee


รีวิวโดย gooddymusic

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น