ความรู้เรื่อง คู่เสียงและเสียงประสาน: เสริมสร้างโซโล่กีต้าร์ให้ไพเราะยิ่งขึ้น

คู่เสียงและเสียงประสาน

คู่เสียงและเสียงประสาน: เสริมสร้างโซโล่กีต้าร์ให้ไพเราะยิ่งขึ้น

     คู่เสียงและเสียงประสาน เป็นองค์ประกอบสำคัญของดนตรีที่ช่วยสร้างความกลมกล่อมและความไพเราะให้กับเพลง การเข้าใจหลักการของคู่เสียงและเสียงประสานจะช่วยให้นักกีต้าร์สามารถสร้างโซโล่ที่น่าสนใจและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น


คู่เสียงคืออะไร?

     คู่เสียง (Interval) คือระยะห่างระหว่างสองโน้ตที่ดังขึ้นพร้อมกัน คู่เสียงแต่ละคู่จะมีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อความรู้สึกที่ได้ยิน เช่น คู่ 3 จะให้ความรู้สึกสดใส ในขณะที่คู่ 4 จะให้ความรู้สึกหนักแน่น


เสียงประสานคืออะไร?

     เสียงประสาน (Harmony) คือการรวมกันของเสียงหลายๆ เสียงที่เกิดขึ้นพร้อมกัน โดยเสียงแต่ละเสียงจะสร้างความสัมพันธ์กันและสร้างความกลมกล่อมให้กับดนตรี

คู่เสียงและเสียงประสาน กับการเล่นกีต้าร์


คู่เสียงที่สำคัญในการเล่นกีต้าร์

  • คู่ 2 (Minor Second): ให้ความรู้สึกตึงเครียด
  • คู่ 3 (Major Third): ให้ความรู้สึกสดใส
  • คู่ 4 (Perfect Fourth): ให้ความรู้สึกหนักแน่น
  • คู่ 5 (Perfect Fifth): ให้ความรู้สึกเสถียร
  • คู่ 6 (Major Sixth): ให้ความรู้สึกอบอุ่น
  • คู่ 8 (Octave): เป็นโน้ตตัวเดียวกันแต่ต่างระดับเสียง


การนำคู่เสียงไปใช้ในการสร้างโซโล่กีต้าร์

  • คู่ 3 และคู่ 7: มักถูกใช้ในการสร้างเมโลดี้หลัก เพราะให้ความรู้สึกที่ไพเราะและกลมกล่อม
  • คู่ 4 และคู่ 5: ใช้เพื่อสร้างความมั่นคงและความสมดุลให้กับโซโล่
  • คู่ 2 และคู่ 6: ใช้เพื่อสร้างความตึงเครียดและความสนใจ


เทคนิคการใช้คู่เสียงในการโซโล่กีต้าร์

  • Arpeggio: การเล่นโน้ตในคอร์ดทีละเสียง จะช่วยให้เราได้ยินคู่เสียงต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นคอร์ดนั้นๆ
  • Chromaticism: การเคลื่อนที่ไปตามโน้ตครึ่งเสียง ช่วยสร้างความตึงเครียดและความน่าสนใจ
  • Bending: การดันสายกีต้าร์เพื่อเปลี่ยนระดับเสียง ช่วยสร้างเสียงที่ไหวหวั่นและน่าสนใจ

เทคนิคการใช้ คู่เสียงและเสียงประสาน


ตัวอย่างการใช้คู่เสียงในโซโล่กีต้าร์

     สมมติว่าเราต้องการสร้างโซโล่ในคีย์ C Major เราสามารถใช้คู่ 3 (C-E), คู่ 4 (C-F), และคู่ 5 (C-G) เพื่อสร้างเมโลดี้ที่ไพเราะและน่าสนใจ โดยการสลับไปมาระหว่างคู่เสียงเหล่านี้


เสียงประสานในโซโล่กีต้าร์

     การสร้างเสียงประสานในโซโล่กีต้าร์สามารถทำได้โดยการเล่นโน้ตหลายๆ เสียงพร้อมกัน เช่น การเล่นโน้ตหลักพร้อมกับโน้ตที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งคู่เสียง หรือการเล่นอาร์เปจจิโอ (Arpeggio) ซึ่งเป็นการเล่นโน้ตในคอร์ดทีละเสียง


เทคนิคการสร้างเสียงประสาน

  • Harmonic Minor: การใช้สเกล Harmonic Minor จะช่วยให้ได้เสียงประสานที่น่าสนใจและมีความขัดแย้ง
  • *Altered Scale: การใช้สเกล Altered จะช่วยให้ได้เสียงประสานที่แปลกใหม่และไม่คาดคิด
  • Chord Substitution: การใช้คอร์ดทดแทนจะช่วยสร้างความหลากหลายให้กับเสียงประสาน


*อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Altered Scale 

     Altered Scale หรือ สเกลที่ถูกปรับเปลี่ยน หมายถึงสเกลที่ได้จากการปรับเปลี่ยนโน้ตบางตัวในสเกลหลัก เช่น Major Scale หรือ Minor Scale เพื่อสร้างสเกลใหม่ที่มีสีสันและความรู้สึกที่แตกต่างออกไป การปรับเปลี่ยนนี้มักจะทำโดยการเพิ่มหรือลดครึ่งเสียงของโน้ตบางตัว ทำให้เกิดเสียงที่ไม่ค่อยพบเห็นในสเกลปกติ และสามารถนำไปใช้สร้างโซโล่ที่น่าสนใจและไม่เหมือนใคร


วิธีการสร้าง Altered Scale

     มีหลายวิธีในการสร้าง Altered Scale แต่โดยทั่วไปแล้วจะทำการปรับเปลี่ยนโน้ตตัวที่ 5 หรือตัวที่ 9 ของสเกลหลัก เช่น

  • Altered Dominant: การปรับเปลี่ยนสเกลโดมิแนนต์ โดยการเพิ่มโน้ตแชป (♯) ให้กับโน้ตตัวที่ 5 และโน้ตแฟลต (♭) ให้กับโน้ตตัวที่ 9
  • Superimposing: การนำสเกลอื่นๆ มาซ้อนทับกับสเกลหลักเพื่อสร้างสเกลใหม่
  • Modal Interchange: การเปลี่ยนแปลงโหมดของสเกลในระหว่างการเล่น


     คู่เสียงและเสียงประสาน เป็นองค์ประกอบสำคัญของดนตรี การเข้าใจหลักการของคู่เสียงและเสียงประสานจะช่วยให้นักกีตาร์สามารถสร้างโซโล่ที่น่าสนใจและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น การฝึกฝนและทดลองเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณพัฒนาฝีมือในการเล่นกีต้าร์

การเล่นกีต้าร์ให้ไพเราะ


คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ฟังเพลง: ฟังเพลงของนักกีต้าร์ที่คุณชื่นชอบและพยายามวิเคราะห์การใช้คู่เสียงและเสียงประสานของพวกเขา
  • ฝึกหู: การฝึกหูจะช่วยให้คุณสามารถระบุคู่เสียงต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
  • ลองผิดลองถูก: การสร้างโซโล่เป็นเรื่องของการทดลอง ไม่ต้องกลัวที่จะลองผิดลองถูก


หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการเรียนรู้เกี่ยวกับคู่เสียงและเสียงประสานนะครับ

เทคนิคการโซโล่กีต้าร์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น