ย้อนไปในยุค 70s ดนตรีแจ๊สและร็อกต่างได้รับความนิยมอย่างมาก และสิ่งที่ขับเคลื่อนเสียงดนตรีเหล่านั้นให้ลึกซึ้งก็คือเสียงเบสที่หนักแน่น นุ่มลึก มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว จึงไม่แปลกเลยที่ เบสไฟฟ้า Fender Heritage 70s ได้รับความนิยมในหมู่นักดนตรีสมัยใหม่ที่ต้องการสัมผัสกลิ่นอายความคลาสสิกแบบต้นฉบับ พร้อมเทคโนโลยีการผลิตยุคปัจจุบันที่แม่นยำและพิถีพิถันยิ่งขึ้น
เบสไฟฟ้า Fender Heritage 70s โดดเด่นอย่างไร
การเลือกเบสสักตัวไม่ใช่แค่เสียงดี แต่ยังรวมถึงคุณภาพของวัสดุ ความสมดุลของโทนเสียง และความสวยงามในการดีไซน์ ซึ่ง Fender Heritage 70s Jazz Bass ตอบโจทย์ทั้งหมดนี้ได้อย่างน่าประทับใจ
บอดี้ทำจากไม้ Ash ที่ขึ้นชื่อเรื่องการให้เสียงใส โปร่ง มีน้ำหนักเบา เคลือบด้วย Gloss Polyester ทำให้ดูแวววาวและปกป้องไม้ได้ดีในระยะยาว คอเบสเป็นไม้ Maple รูปทรงปี 1975 "U" ที่เหมาะกับมือหลากหลายขนาด ให้สัมผัสแบบวินเทจพร้อมความคล่องตัวในการเล่น ฟิงเกอร์บอร์ดก็ทำจาก Maple เช่นกัน เพิ่มความต่อเนื่องของโทนเสียงและรูปลักษณ์
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างอินเลย์แบบ White Pearloid Block และเฟร็ตจำนวน 20 เฟร็ตในขนาดวินเทจที่ช่วยสร้างบุคลิกของเสียงแจ๊สยุคเก่าได้ชัดเจนขึ้น
เสียงวินเทจแท้ ๆ ด้วยระบบไฟฟ้าแบบดั้งเดิม
Fender Heritage 70s รุ่นนี้ใช้ปิ๊กอัพแบบ Premium Vintage-Style 70s Single-Coil ทั้งในตำแหน่งกลางและบริดจ์ ให้เสียงชัดเจน เคลียร์ และคมในทุกโน้ต ระบบการควบคุมเรียบง่ายแต่ครบถ้วนด้วย Volume แยกสองตำแหน่ง และ Master Tone ที่ให้คุณควบคุมไดนามิกของเสียงได้อย่างละเอียด
สายเบสที่ใช้ก็เป็น Nickel Plated Steel ขนาดมาตรฐาน (.045-.105 Gauges) ที่ตอบสนองได้ดีทั้งในห้องซ้อมและการแสดงสด ส่วนฮาร์ดแวร์ เช่น บริดจ์ ลูกบิด และเพลทคอ ต่างเป็นวัสดุคุณภาพสูง ทนทาน พร้อมงานประกอบแบบญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องความประณีต
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เบสไฟฟ้ารุ่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสียงเบสแนววินเทจยุค 70s โดยไม่ต้องพึ่งเอฟเฟคเพิ่มเติมมากนัก
Fender Heritage 70s เทียบกับ Jazz Bass รุ่นปัจจุบันต่างกันอย่างไร?
นักดนตรีมือใหม่อาจสงสัยว่าเบส Fender Jazz Bass รุ่น Heritage 70s ต่างจากรุ่นปัจจุบันทั่วไปอย่างไร คำตอบคือในแง่ของคาแรกเตอร์เสียงและดีไซน์ Heritage 70s จะให้เสียงที่มีโทนอบอุ่น หนานุ่มกว่า เพราะใช้ปิ๊กอัพและสเปกตามแบบฉบับยุค 70s ต่างจากรุ่นใหม่ที่อาจเน้นความแหลมคมและสว่างมากขึ้น
อีกหนึ่งจุดเด่นคือรูปทรงคอแบบ "U" ปี 1975 ที่มีความหนาแต่เล่นง่าย จับถนัดมือ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสียงเบสที่แน่นและทรงพลังมากกว่ารุ่นคอแบบ Modern C หรือ Slim C ที่พบในเบสรุ่นใหม่ทั่วไป
ทำไมเบสรุ่น Heritage 70s ถึงเหมาะกับมืออาชีพ
หนึ่งในเหตุผลที่มือเบสระดับมืออาชีพนิยมเลือกใช้ Fender Heritage 70s คือความเสถียรของเสียงในทุกย่าน โดยเฉพาะการเล่นสดหรือในห้องอัดที่ต้องการความคมชัดในรายละเอียด พร้อมโทนเสียงที่คงเอกลักษณ์ของดนตรีแจ๊สหรือร็อกคลาสสิกไว้ได้ครบถ้วน
นอกจากนี้ Fender ยังออกแบบและควบคุมการผลิตโดยอ้างอิงข้อมูลโปรไฟล์ของเครื่องดนตรีในอเมริกา (USA profiling data) และอยู่ภายใต้การดูแลของ Mark Kendrick ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเครื่องดนตรีวินเทจโดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ว่านี่คือเบสที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาจิตวิญญาณของดนตรียุคนั้นไว้อย่างแท้จริง
คลิป YouTube
เครดิต :
The Guitar Dude
เบสไฟฟ้า Fender Heritage 70s กับการใช้งานในยุคปัจจุบัน
แม้ว่าจะเป็นเบสที่อ้างอิงดีไซน์และเสียงจากยุค 70s แต่ Fender Heritage 70s กลับตอบโจทย์การใช้งานยุคใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัย ความเสถียรในการตั้งสาย และการตอบสนองต่อการปรับโทนเสียงได้อย่างละเอียด ทำให้เหมาะทั้งสำหรับนักดนตรีเวทีสด ผู้เล่นในสตูดิโอ หรือแม้แต่นักเรียนดนตรีที่ต้องการเบสคุณภาพสูงระยะยาว
ด้วยงานประกอบจากประเทศญี่ปุ่นที่เน้นความปราณีต ประกอบกับการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ทำให้ Fender รุ่นนี้กลายเป็นไอเทมที่นักดนตรีมืออาชีพหลายคนเลือกใช้อย่างต่อเนื่อง
จุดแข็งที่ทำให้ Fender Heritage 70s แตกต่าง
- ปิ๊กอัพวินเทจแท้เสียงดั้งเดิม
- ดีไซน์ย้อนยุคพร้อมวัสดุไม้ระดับพรีเมียม
- คอไม้เมเปิลทรง "U" ปี 1975 จับถนัดมือ
- ฮาร์ดแวร์ทนทาน ใช้งานยาวนาน
- งานประกอบระดับ Made in Japan
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ เบสไฟฟ้ารุ่นนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องดนตรีที่ให้ทั้งเสียงคุณภาพและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
รายละเอียดเพิ่มเติมที่นักดนตรีควรรู้ก่อนเลือกซื้อ
- รองรับแนวเพลงหลากหลาย: ไม่ว่าจะเป็นแจ๊ส ร็อก ฟิวชัน หรือโซล เบสรุ่นนี้สามารถปรับโทนเสียงให้เข้ากับแนวเพลงได้อย่างยืดหยุ่น
- เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นด้วยคุณภาพ: แม้ราคาจะสูงกว่ารุ่นเริ่มต้นทั่วไป แต่การได้สัมผัสเสียงที่ดีตั้งแต่ต้นจะช่วยพัฒนาทักษะเร็วขึ้น
- มีความสมดุลระหว่างงานวินเทจและฟังก์ชันสมัยใหม่: ทั้งรูปลักษณ์ กลไก และความรู้สึกในการเล่นล้วนออกแบบมาให้ใช้งานได้จริง
- สามารถใช้ในระดับมืออาชีพได้ทันที: ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเบสใหม่เมื่อพัฒนาไปถึงระดับสูง
- เป็นเบสที่สะสมมูลค่าได้ในอนาคต: ด้วยความเป็น Heritage Series และการผลิตแบบจำกัด จึงเป็นที่ต้องการในตลาดนักสะสม
ข้อมูลเชิงเทคนิคเพิ่มเติมที่ผู้ใช้งานควรพิจารณา
- ฟิงเกอร์บอร์ดรัศมีโค้ง 7.25 นิ้ว: ให้ความรู้สึกวินเทจที่แท้จริง เหมาะกับการเล่นไลน์เบสที่เน้นความไหลลื่น
- นัทกระดูก (Bone Nut): เพิ่มความเสถียรของเสียงและการสั่นสะเทือนของสายเบสให้มีความแม่นยำ
- ลูกบิดแบบ Pure Vintage '70s: ให้ความมั่นใจในความเที่ยงตรงของการตั้งสาย พร้อมรูปลักษณ์ที่กลมกลืนกับยุคสมัย
- บริดจ์แบบ 4-Saddle Vintage: ออกแบบเพื่อการปรับอินโทเนชันที่แม่นยำ และรองรับการใช้งานที่หลากหลาย
- ปิ๊กการ์ดแบบ 3-Ply Eggshell: เพิ่มลูกเล่นด้านดีไซน์ พร้อมช่วยปกป้องบอดี้จากรอยขีดข่วน
อุปกรณ์เสริมที่แนะนำสำหรับการใช้งานร่วมกับเบสรุ่นนี้
- สายสะพายหนังคุณภาพสูง: ช่วยลดแรงกดบนบ่าและให้ความมั่นคงขณะเล่นบนเวที
- กระเป๋า Gig Bag แบบบุหนา: ป้องกันการกระแทกระหว่างการเดินทาง และมีช่องเก็บอุปกรณ์เสริมครบถ้วน
- เครื่องตั้งสายดิจิทัลแบบหนีบ: ควรเลือกแบบที่ตอบสนองเร็วและแม่นยำสำหรับการใช้งานกับเบสโดยเฉพาะ
- เครื่องขยายเสียงขนาดกลางคุณภาพดี: เพื่อให้ได้ยินเสียงของเบสได้ชัดเจน ครบทุกย่านความถี่
- สายเบสสำรองคุณภาพสูง: แนะนำเลือกเกจเดียวกับที่ติดตั้งจากโรงงานเพื่อคงบุคลิกเสียงเดิม
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
👉 Lazada > ดูรายละเอียดสินค้าใน Lazada
👉 Shopee > ดูรายละเอียดสินค้าใน Shopee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น