เบสไฟฟ้าเป็นเครื่องดนตรีที่หลายคนมักคิดว่าเอาไว้เล่นแค่ไลน์ประกอบอยู่ด้านหลังของวง แต่ในความเป็นจริงเสียงเบสคือพื้นฐานที่ทำให้เพลงทั้งเพลงฟังแน่นและมีน้ำหนัก หากเสียงเบสหายไปเพลงจะฟังหลวมและขาดพลังได้ทันที โดยเฉพาะเสียงในสายต่ำที่ต้องอาศัยทั้งแรงตึงของสาย ความชัดของโน้ต และโทนเสียงที่ไม่เพี้ยน ไม่ว่าจะเล่นเบา เล่นแรง หรือเล่นต่อเนื่องเป็นเวลานาน มือเบสจำนวนมากจึงมองหาเบสที่ออกแบบมาให้ทั้งเสียงนิ่งและเล่นสบายในตัวเดียว Warwick RockBass Corvette Multiscale เป็นหนึ่งในรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้ โดยให้สมดุลระหว่างสเปกที่จริงจังระดับมืออาชีพ กับความรู้สึกจับแล้วเล่นง่ายสำหรับคนที่กำลังพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง
ทำความเข้าใจกับแนวคิด Multiscale ของ Warwick RockBass Corvette Multiscale
จุดเด่นสำคัญของเบสตัวนี้คือการใช้สเกลแบบ Multiscale หรือที่หลายคนเรียกว่า fan fret หมายถึงความยาวของสายแต่ละเส้นไม่เท่ากัน สายต่ำจะยาวกว่าเพื่อให้ได้แรงตึงที่เหมาะสม ทำให้เสียงโน้ตไม่บวม ไม่ย้วย และควบคุมโทนได้ดีเมื่อตั้งสายต่ำหรือลดคีย์ ส่วนสายสูงจะสั้นลงเล็กน้อย ช่วยให้เล่นเมโลดี้ lick หรือโซโล่ได้สบายขึ้น โดยไม่รู้สึกว่าคอเบสแข็งหรือฝืดมือหรือล้ามือจนเกินไป
สำหรับมือใหม่หรือคนที่ยังไม่เคยลอง Multiscale มาก่อน อาจรู้สึกว่า fan fret ดูแปลกและไม่คุ้นตา แต่เมื่อได้ลองเล่นจริงจะพบว่ามุมเอียงของเฟรตช่วยให้วางนิ้วได้เป็นธรรมชาติและเข้ากับท่าทางของข้อมือ เวลาเลื่อนตำแหน่งบนคอเบสจะรู้สึกว่าใช้แรงน้อยลง เคลื่อนนิ้วได้ลื่นขึ้น และช่วยลดอาการล้าหรือเจ็บข้อมือเมื่อต้องเล่นนาน ๆ โดยเฉพาะคนที่เล่นเพลงที่ใช้โน้ตถี่ ๆ หรือเล่นไลน์เบสที่ต้องย้ายตำแหน่งนิ้วเร็ว ๆ จะสัมผัสความแตกต่างระหว่างคอแบบปกติกับ Multiscale ได้ชัดเจน
โครงสร้างบอดี้และโทนเสียงของ Warwick RockBass Corvette Multiscale
บอดี้ใช้ไม้ alder สองชิ้น ซึ่งเป็นไม้ที่นิยมใช้ในโลกของกีต้าร์และเบส เพราะให้โทนเสียงค่อนข้างสมดุล ไม่บางเกินไปและไม่ทึบเกินไป ย่านกลางฟังชัด ย่านต่ำออกมาแน่นแต่ไม่บวม ทำให้ไลน์เบสไม่ไปทับกับกลองหรือกระเดื่องมากเกินไป เมื่อเสริมด้วยท็อป maple burl หรือ poplar burl veneer นอกจากจะเพิ่มลายไม้ที่สวยสะดุดตาแล้ว ยังช่วยเพิ่มความชัดของเสียงอีกเล็กน้อย ทำให้โน้ตตอบสนองไวขึ้น
คอเป็นแบบยึด bolt-on ทำให้จุดต่อระหว่างคอกับบอดี้แน่นและมั่นคง งานประกอบในซีรีส์ RockBass ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรง ใช้งานได้นานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความทนทาน เหมาะกับคนที่ต้องนำเบสตัวเดิมไปซ้อมและเล่นสดตามงานต่าง ๆ เป็นประจำ ฟิงเกอร์บอร์ดใช้ไม้ wenge ให้สัมผัสค่อนข้างแห้ง นิ้วไม่ลื่นจนควบคุมยาก และไม่ฝืดจนรู้สึกเกร็ง ทำให้ควบคุมการกดโน้ตและการสไลด์ได้ดี โดยเฉพาะไลน์เบสที่เล่นในย่านกลางของคอจะฟังดูเด่นและมีน้ำหนักชัดเจน
ระบบปิกอัพและอิเล็กทรอนิกส์ที่ปรับเสียงได้กว้าง
ชุดปิกอัพหลักเป็น MEC passive soapbar สองตัว ให้โทนเสียงหนา แน่น และตอบสนองไดนามิกของมือผู้เล่นได้ดี เมื่อนำมาทำงานร่วมกับวงจรแอคทีฟแบบ 2-band ที่แยกปุ่ม treble และ bass ออกจากกันอย่างชัดเจน ผู้เล่นจึงปรับคาแรคเตอร์เสียงได้กว้าง ตั้งแต่โทนใสเคลียร์ไปจนถึงโทนหนาอุ่น ปุ่ม balance ช่วยให้ปรับสัดส่วนปิกอัพหน้า–หลังให้เหมาะกับสไตล์เพลงที่ต้องการ ไม่ว่าจะเน้นย่านต่ำให้คุมทั้งเพลง หรือเน้นย่านกลาง–สูงให้ไลน์เบสเดินชัดขึ้นก็ทำได้ง่าย
สวิตช์เลือกโหมดของฮัมบัคเกอร์ที่ให้ทั้ง series parallel และ single-coil เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เบสตัวนี้ปรับคาแรคเตอร์เสียงได้หลากหลายมากขึ้น ในโหมด series เสียงจะหนา แน่น และมีพลัง เหมาะกับแนวร็อกหรือเมทัลที่ต้องการให้เบสช่วยเติมความแน่นของ mix ส่วนโหมด parallel จะลดความหนาของเสียงลงเล็กน้อย แต่ช่วยให้โน้ตแต่ละตัวคมและเคลียร์ขึ้น เหมาะกับเพลงที่ต้องการจังหวะชัด ๆ และฟังรายละเอียดชัดเจน ขณะที่โหมด single-coil จะให้โทนใส เป็นธรรมชาติ เหมาะกับเพลง fusion funk หรือเพลงที่ต้องการไลน์เบสโปร่ง มีพื้นที่ให้เครื่องดนตรีอื่นใน mix ฟังได้ชัดเจนไม่เบียดกัน
เมื่อทดลองปรับค่า EQ และโหมดต่าง ๆ ร่วมกัน จะเห็นว่าเบสตัวเดียวสามารถครอบคลุมการใช้งานได้หลายสไตล์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ effect เพิ่มมากนัก เหมาะกับทั้งคนที่ชอบเสียงตรงเข้าตู้แอมป์ และคนที่ต้องการเสียงพื้นฐานที่ดีไว้ใช้ต่อยอดกับ effect และ plug-in ในสตูดิโอ
คอ เฟรต และความรู้สึกเวลาจับเล่น
คอทำจากไม้ maple แบ่งเป็น 4 ชิ้น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและลดโอกาสที่คอจะงอหรือคอจะคดเมื่อใช้ไปนาน ๆ การแบ่งคอเป็นหลายชิ้นแล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกัน ทำให้โครงสร้างนิ่งกว่าใช้ไม้ชิ้นเดียวในหลายกรณี เมื่อรวมกับแถบเสริมด้านหลัง คอจึงรับแรงดึงจากสาย 5 สายได้อย่างมั่นคง ฟิงเกอร์บอร์ดรัศมี 26 นิ้วมีความโค้งที่ออกแบบมาให้จับแล้วรู้สึกพอดี ไม่แบนเกินไปจนรู้สึกแปลกมือ และไม่โค้งมากจนเล่นสายในสุดได้ลำบาก
เฟรตแบบ extra high jumbo จำนวน 24 เฟรตช่วยให้กดโน้ตได้ง่ายขึ้นโดยใช้แรงนิ้วน้อยลง มือใหม่มักจะรู้สึกว่าพอกดแล้วเสียงโน้ตออกมาง่ายกว่าเวลาเล่นเฟรตขนาดเล็ก ไม่ต้องออกแรงกดมากก็ได้ยินเสียงโน้ตชัดเจน ส่วนคนที่เริ่มฝึกเทคนิคอย่างการดันสาย การตบสาย การสแลปเบส หรือการเล่น harmonic จะรู้สึกว่าเฟรตสูงช่วยให้ควบคุมการดันสายได้ง่ายขึ้น เสียงโน้ตไม่หลุดหรือเพี้ยนไปจากที่ตั้งใจ นัทกราไฟต์ความกว้าง 45 มิลลิเมตรถูกออกแบบมาให้พอดีกับเบส 5 สาย ช่องไฟระหว่างสายไม่แคบจนเกินไป มือที่คุ้นกับเบส 4 สายมาก่อนจึงสามารถปรับตัวได้ไม่ยาก
บริดจ์แบบ single string แยกจุดยึดสายแต่ละเส้นออกจากกัน ทำให้การปรับตั้งอินโทเนชันและความสูงของสายทำได้ละเอียดขึ้น และช่วยให้การสั่นของสายแต่ละเส้นส่งผ่านไปยังบอดี้ได้เต็มที่ เสียงจึงนิ่งและไม่พร่ามัวมากนัก แม้จะเล่นโน้ตต่อเนื่องในย่านต่ำ
ลักษณะการใช้งานจริงของ Warwick RockBass Corvette Multiscale และกลุ่มผู้เล่นที่เหมาะสม
เบสรุ่นนี้เหมาะทั้งสำหรับใช้ซ้อม เล่นงานขนาดเล็ก ไปจนถึงใช้เป็นเครื่องดนตรีหลักบนเวทีจริง น้ำหนักประมาณ 4.1 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง ไม่เบาเหมือนเบสตัวเล็ก แต่ก็ไม่หนักจนไหล่ล้าขณะเล่นนาน ๆ รูปทรงตัวบอดี้และการถ่วงน้ำหนักของทั้งตัวเครื่องทำให้เมื่อคล้องสายสะพายแล้วคอเบสไม่โน้มตกลงด้านหน้าได้ง่าย มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเล่นบนเวทีจึงควบคุมท่าทางการยืนเล่นได้ง่ายและมั่นใจมากขึ้น
เมื่อลองใช้งานในห้องซ้อม เบสตัวนี้ให้เสียงที่แยกออกจากกลองและกีต้าร์ได้ชัดเจน เปิด Volume ไม่ต้องมากก็ยังได้ยินโน้ตของเบสชัดเจน ไม่จมหายไปในภาพรวมของวง ส่วนในงานสตูดิโอ เสียงที่ได้จากปิกอัพและวงจรแอคทีฟมีความนิ่งและสม่ำเสมอ ทำให้วิศวกรเสียงหรือผู้มิกซ์ปรับเสียงได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องคอยแก้ปัญหาเสียงเบสล้นหรือบางเกินไปอยู่บ่อย ๆ มือเบสที่ต้องทำทั้งงานอัดและเล่นสดจึงสามารถใช้รุ่นนี้เป็นเบสหลักตัวเดียว แล้วปรับโทนให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ได้ไม่ยาก
คลิป YouTube
เครดิต :
Bass Guitar Review
ความคุ้มค่าและรายละเอียดฮาร์ดแวร์
เมื่อมองภาพรวมทั้งสเปก วัสดุ และความยืดหยุ่นด้านโทนเสียง รุ่นนี้ถือว่าให้ความคุ้มค่าสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนจากการใช้เบสระดับเริ่มต้น มาเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ทำงานดนตรีอย่างจริงจังทั้งในห้องซ้อมและบนเวที ฮาร์ดแวร์เลือกใช้ชิ้นส่วนจากแบรนด์เดียวกันทั้งชุด ไม่ว่าจะเป็นลูกบิด Warwick machine heads ที่ตั้งสายแล้วนิ่ง ใช้งานได้ตลอดทั้งเซตการเล่นโดยไม่ต้องคอยหมุนจูนบ่อย ๆ หรือ Warwick security locks ที่ช่วยล็อกสายสะพายเข้ากับตัวเครื่องให้แน่น เหมาะกับคนที่ชอบเดินหรือขยับตัวไปมาบนเวทีขณะเล่นเบส
สายที่ให้มาจากโรงงานเป็น Warwick RED ขนาด .045"–.135" ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานสำหรับเบส 5 สาย ให้แรงตึงกำลังดี เหมาะทั้งการเล่นด้วยนิ้ว การใช้ปิก และการสแลปเบส สำหรับคนที่ยังไม่คิดจะเปลี่ยนสายทันที สามารถใช้ชุดสายนี้ซ้อมและเล่นงานจริงได้เลยโดยไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปมากนัก เมื่อถึงเวลาต้องการเปลี่ยนคาแรคเตอร์เสียงจึงค่อยลองเปลี่ยนเป็นยี่ห้อหรือขนาดอื่นตามความถนัดของตัวเอง
สรุปว่า Warwick RockBass Corvette Multiscale เหมาะกับใคร
โดยรวมแล้ว เบสไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นการผสมผสานความทันสมัยของเทคโนโลยี Multiscale เข้ากับโครงสร้างไม้และฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้ เหมาะกับมือเบสที่เริ่มจริงจังกับการเล่น และต้องการเครื่องดนตรีที่ตอบสนองนิ้วได้ดี ปรับโทนเสียงได้กว้างโดยไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริมมากนัก มือใหม่ที่กำลังก้าวจากเบสระดับเริ่มต้นมาหาตัวที่ใช้ทำงานได้จริง รวมถึงมืออาชีพที่มองหาเบสสำรองสำหรับใช้เล่นสดบนเวทีและอัดเสียงในสตูดิโอได้ทุกครั้งที่ต้องการ สามารถมองรุ่นนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ
สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับทั้งเสียง การจับเล่น และความทนทานในระยะยาว การเลือกเบสที่ออกแบบมาให้รองรับการใช้งานได้หลากหลายตั้งแต่แรก จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในอนาคตได้มาก เบสที่ตอบโจทย์ได้รอบด้านแบบนี้มักจะกลายเป็นเครื่องดนตรีคู่ใจที่อยู่กับคุณได้นาน หากคุณกำลังกำลังมองหาเบสไฟฟ้าที่พร้อมเติบโตไปกับสไตล์การเล่นของตัวเอง รุ่นนี้คือหนึ่งในตัวเลือกที่ควรหาโอกาสลองเล่นและฟังด้วยตัวเองสักครั้ง
สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่
🛒สั่งซื้อได้ที่นี่
รีวิวโดย gooddymusic






ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น