กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo ความลงตัวของงานศิลป์และนวัตกรรม

กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo สี Charcoal Burst มุมตรง เห็นช่อง F คู่และฮาร์ดแวร์สีทองชัดเจน

     เมื่อพูดถึงกีต้าร์ที่ให้ได้ทั้งโทนไฟฟ้าและโทนใสแบบอะคูสติกในตัวเดียว หลายคนจะนึกถึง กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo ซึ่งโดดเด่นด้วยงานไม้ระดับพรีเมียม การประกอบที่ละเอียด และระบบเสียงที่ยืดหยุ่นสูง เหมาะทั้งซ้อม อัดเสียง และขึ้นเวทีจริง โดยยังคงเอกลักษณ์ความงามของ PRS อย่างครบถ้วน


โครงสร้างและวัสดุที่พิถีพิถัน

     บอดี้แบบ Hollowbody ใช้โครง Mahogany ประกบด้วย Maple เกรด 10-Top ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ได้ทั้งความกังวาน ความอบอุ่น และตอบสนองนิ้วได้ไว แม้ดีดเบา ๆ เสียงก็ออกชัด จึงให้โทนที่โปร่ง กว้าง และได้ยินรายละเอียดของเสียงชัดเจนกว่ากีต้าร์บอดี้ตัน

กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo ถ่ายเต็มตัวพื้นหลังขาว อินเลย์นกราบรื่นบนฟิงเกอร์บอร์ด

     คอทำจากไม้ Mahogany ทรง Pattern จับถนัดมือ เล่นนาน ๆ ไม่เมื่อยนิ้ว ฟิงเกอร์บอร์ด Rosewood ลื่นนิ้ว พร้อมอินเลย์รูปนกสัญลักษณ์ของ PRS มองตำแหน่งเฟรตได้ง่าย ช่วยให้กดคอร์ดและโซโล่ได้แม่นยำ


จุดเด่นด้านระบบเสียงและการใช้งาน กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo

     จุดเด่นอยู่ที่การทำงานร่วมกันของปิ๊กอัพแม่เหล็ก 58/15 LT (ปรับจูนแบบ TCI) กับระบบ piezo ที่ติดตั้งในสะพานสาย ทำให้เลือกได้ทั้งโทนไฟฟ้าที่หนา อุ่น หรือจะเติมโทนใสแบบอะคูสติกเข้ามาผสมก็ได้ตามเพลงที่เล่น สวิตช์ mini‑toggle ใช้เปลี่ยนโหมดของ piezo ได้สามแบบ (ปิด / ผสม / ใช้เฉพาะ piezo) ส่วนสวิตช์เลือกปิ๊กอัพ 3 ทาง ทำงานคู่กับปุ่ม blend เพื่อปรับสัดส่วนเสียงให้พอดีง่าย ๆ เหมาะกับทั้งการเล่นเมโลดี้และการตีคอร์ดที่ต้องการความคมชัด


     ฮาร์ดแวร์ก็ครบ สะพานสาย PRS Adjustable Piezo Stoptail และลูกบิดล็อกสาย Phase III Locking Tuners ช่วยให้เสียงนิ่ง จูนง่าย และคงเสถียรแม้เล่นต่อเนื่องนาน ๆ

กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo โคลสอัพสะพานสายสีทอง ลายไม้ 10-Top ชัด เห็นช่อง F ข้างบอดี้

ความคุ้มค่าที่เหนือกว่ากีต้าร์ทั่วไป กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo

     กีต้าร์ตัวเดียวแต่ใช้ได้หลายโอกาส: อยากได้โทนไฟฟ้าแบบฮัมบักเกอร์ก็ทำได้ทันที หรือถ้าอยากได้ปลายเสียงใสคล้ายอะคูสติกก็เพิ่มจากระบบ piezo ได้เลย จึงไม่ต้องพกกีต้าร์หลายตัวให้ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีงานไม้สวยงามและผิวเคลือบ Charcoal Burst ที่ดูหรูบนเวที และเหมาะกับผู้ที่ชอบสะสม


     งานประกอบละเอียดเรียบร้อย ตั้งแต่ลูกบิดล็อกสาย การเดินสายไฟ ไปจนถึงการตั้งค่าจากโรงงาน ทำให้หยิบขึ้นมาเล่นได้อย่างมั่นใจตั้งแต่เปิดเคส

ป้ายตรวจเช็กคุณภาพพร้อมระบุชุดสาย .011 วางในเคสแข็ง ข้างส่วนหัวเครื่องสายหกสาย

สเปกทางเทคนิคที่ควรรู้

  • จำนวนสาย: 6 สาย
  • รูปทรง: PRS Doublecut บอดี้แบบ Hollowbody พร้อมช่อง F‑holes คู่
  • โครงสร้างบอดี้: Mahogany ประกบ Maple 10‑Top หน้า/หลัง เคลือบเงา
  • คอ: Mahogany ทรง Pattern ข้อต่อแบบ set‑neck
  • ฟิงเกอร์บอร์ด: Rosewood รัศมี 10" อินเลย์นก PRS
  • เฟรต: 22 เฟรต ขนาด Medium Jumbo
  • สเกล: 25 นิ้ว
  • นัต: กว้าง 1.6875" วัสดุผสมสังเคราะห์
  • ปิ๊กอัพ: 58/15 LT Humbucker (คอ/บริดจ์) + LR Baggs piezo ในสะพานสาย
  • ควบคุม: Volume, Tone, Piezo Blend, สวิตช์ mini‑toggle (piezo ปิด/ผสม/เปิด), สวิตช์ปิ๊กอัพ 3 ทาง
  • ฮาร์ดแวร์: PRS Adjustable Piezo Stoptail, Phase III Locking Tuners
  • สาย: เบอร์ 11 ตามสเปกโรงงาน
  • เคส: ฮาร์ดเคสมาตรฐาน

ส่วนหัวเคลือบเงาพร้อมลูกบิดหกตัวและลายเซ็นสีทอง วางบนซับกำมะหยี่ของกล่องแข็ง

การต่อสัญญาณสองช่อง (Mag/Piezo) ให้บาลานซ์บนเวที

สำหรับการเล่นสดมี 2 วิธีหลักที่ตั้งค่าได้ง่ายและชัดเจน:

แผงด้านข้างมีช่องสัญญาณสองทาง ช่องใส่แบตเตอรี่ และปุ่มปรับระดับตัวเลขเรียงรอบลูกบิด

  • ส่งสัญญาณแม่เหล็ก (mag) ไปที่แอมป์กีต้าร์ และส่งสัญญาณ piezo เข้า DI แล้วเข้ามิกเซอร์โดยตรง
  • หรือใช้โหมดผสม (mix) ผ่านแจ็คเดียว แล้วให้ซาวด์เอนจิเนียร์แยกปรับโทนภายหลัง


แนวทางตั้งค่าที่แนะนำเพื่อให้เสียงชัด ฟังสบาย ไม่บาดหู:

  • ลดวอลุ่มของแชนเนล piezo ลงเล็กน้อย เพื่อลดความแข็งของเสียง
  • เปิดตัวกรองความถี่ต่ำ (High‑pass filter) ราว 80–120 Hz เพื่อตัดย่านต่ำที่อับ
  • หากมีเสียงหอน ให้ใช้ตัวกรองแบบเจาะจุด (Notch filter) แถว ๆ 200–400 Hz
  • หมุนปุ่ม blend ทีละนิด เติมปลายเสียงเท่าที่ต้องการ เพื่อให้โน้ตชัดแต่ยังคงความอุ่นของฮัมบักเกอร์


การตั้งค่าโทนตามแนวเพลงยอดนิยม

  • แจ๊ส/ฟิวชัน: เลือกปิ๊กอัพคอ ลดโทนเล็กน้อย ใส่คอมเพรสเซอร์เบา ๆ และเติม piezo ประมาณ 10–20% เพื่อปลายเสียงใส ละเมียด
  • ป็อป/ร็อก: เลือกปิ๊กอัพตำแหน่งกลางหรือบริดจ์ เปิดเอฟเฟคไดรฟ์เบา ๆ จากนั้นปรับ EQ เพิ่มย่านกลาง‑สูงเล็กน้อย (ประมาณ 2–3 kHz) เพื่อให้เสียงกีต้าร์ได้ยินชัดเจนในวง ไม่ถูกเครื่องดนตรีอื่นกลบ ค่อย ๆ เปิด piezo ทีละนิด เพื่อให้จังหวะตีคอร์ดฟังชัดและมีพลังและได้ยินชัดเจน
  • แอมเบียนต์/วอร์ชิพ: เปิดรีเวิร์บและดีเลย์ให้ยาวขึ้นเพื่อเพิ่มความลอย ใช้เอฟเฟคโมดูเลชันบาง ๆ (เช่น chorus) ตั้งให้เสียงจากปิ๊กอัพแม่เหล็กเป็นโทนหลักของกีต้าร์ แล้วค่อยเติมเสียง piezo ทีละน้อย เพื่อให้เวทีเสียงกว้างและปลายเสียงเป็นประกาย
  • งานสตูดิโอ: อัดเสียงแยกเป็นสองแทร็ก (ปิ๊กอัพแม่เหล็ก / piezo) เพื่อปรับระดับเสียงและ EQ ตอนมิกซ์ได้ละเอียด และลดปัญหาเสียงทับกันในย่านความถี่


เคล็ดลับการดูแลและเซ็ตอัปให้เสถียร

     บอดี้กลวงตอบสนองต่อสภาพอากาศไว ควรรักษาความชื้นราว 45–55% และเก็บในฮาร์ดเคสเมื่อไม่ใช้งาน เช็ดผิวเคลือบด้วยผ้านุ่มหลังเล่นทุกครั้ง บำรุงฟิงเกอร์บอร์ดตามความเหมาะสม ระบบล็อกกิ้งทูนเนอร์ช่วยคุมความนิ่งได้ดี แต่ควรพันสายให้พอดี หากเปลี่ยนเบอร์สายให้ตรวจตั้งคอ แอ็กชัน และอินโทเนชันใหม่ รวมถึงเช็กแบตเตอรี่ของระบบ piezo เป็นระยะเพื่อให้สัญญาณนิ่งและเสียงรบกวนต่ำ


เช็กลิสต์ก่อนขึ้นเวที (Live Checklist)

  • ตรวจแบตเตอรี่ของระบบ piezo และพกสำรองไว้เสมอ
  • ปรับระดับเสียงจากปิ๊กอัพแม่เหล็กและ piezo ให้ดังพอ ๆ กัน เพื่อให้ซาวด์เอนจิเนียร์ (FOH) มิกซ์ได้ง่ายและทำงานได้เร็วขึ้น
  • เปิดตัวกรองความถี่ต่ำ (High‑pass filter) ที่แชนเนล piezo เริ่มตั้งไว้ราว 100 Hz แล้วปรับตามสภาพเวที
  • ใช้สายแจ็คและ DI คุณภาพดี และจัดวางสายให้ห่างหม้อแปลง/ปลั๊กพ่วง เพื่อลดสัญญาณรบกวน
  • ทดสอบสวิตช์ mini‑toggle ทุกตำแหน่งก่อนขึ้นเล่น แล้วจดค่าที่ใช้จริงสำหรับเพลงสำคัญ
  • เตรียมแผนสำรอง: หากระบบ piezo ขัดข้อง ให้สลับไปใช้สัญญาณจากปิ๊กอัพแม่เหล็กทันที


เช็กลิสต์การอัดเสียงในสตูดิโอ (Studio Workflow)

  • อัดแยกเป็น 2 แทร็ก (แม่เหล็ก / piezo) เพื่อปรับระดับและปรับ EQ ตอนมิกซ์ได้เต็มที่
  • ตรวจเรื่อง “เฟส” ของสองแทร็ก: ถ้าย่านต่ำหายหรือเสียงบาง ให้สลับเฟสของแทร็กใดแทร็กหนึ่งแล้วฟังเทียบอีกครั้ง
  • ถ้าเสียงทึบหรืออับ ให้ลดย่าน 250–350 Hz ในแทร็กแม่เหล็กเล็กน้อย
  • เพิ่มความคมของปลายเสียงในแทร็ก piezo ช่วง 3–6 kHz ทีละนิด ระวังอย่าให้แหลมจนบาดหู
  • ใช้คอมเพรสเซอร์แบบอ่อน (ประมาณ 2:1) กับแทร็ก piezo เพื่อคุมไดนามิกโดยยังคงความเป็นธรรมชาติ
  • จัดภาพสเตอริโอ: วางแทร็กแม่เหล็กไว้กึ่งกลาง แล้วแพนแทร็ก piezo ออกด้านข้างเล็กน้อยเพื่อให้มิติเสียงกว้างขึ้น


เหตุผลที่นักดนตรีมืออาชีพเลือกใช้

     ความยืดหยุ่นของโทนเสียง งานประกอบที่เชื่อถือได้ และดีไซน์ที่โดดเด่น ทำให้รุ่นนี้ตอบโจทย์ทั้งคนทำงานสตูดิโอ มืออาชีพที่ขึ้นเวทีบ่อย และผู้สะสมที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพระยะยาว ใช้งานได้จริงและมีภาพลักษณ์ที่ดีในทุกสถานการณ์


บทสรุป

กีต้าร์ไฟฟ้า PRS Hollowbody II Piezo วางในฮาร์ดเคสกำมะหยี่สีดำ มีเอกสารประกอบอยู่ภายใน

     รุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงกีต้าร์ไว้เล่นเพลงเท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือที่ให้เลือกโทนเสียงได้หลากหลาย ตั้งแต่โทนอุ่นแน่นแบบฮัมบักเกอร์ ไปจนถึงเสียงใสโปร่งจาก piezo พร้อมงานไม้และฮาร์ดแวร์ที่เชื่อถือได้ เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการทั้งคุณภาพเสียง มาตรฐานงานสร้าง และความยืดหยุ่นในตัวเดียว


สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่


🛒สั่งซื้อได้ที่นี่


รีวิวโดย gooddymusic

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น