กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่ตอบโจทย์นักดนตรี

กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster รุ่นลิมิเต็ดสี Moonlight Drive พร้อมโลโก้และโปรผ่อน 0%

     กีต้าร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องดนตรีหัวใจของดนตรีสมัยใหม่ ตั้งแต่ร็อก บลูส์ แจ๊ส ไปจนถึงป็อป และเมื่อพูดถึงแบรนด์ชั้นนำ ชื่อ Fender มักถูกหยิบยกขึ้นมาเสมอด้วยเอกลักษณ์ทั้งเสียงและงานประกอบ รุ่น กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นด้วยวัสดุคัดเกรด ระบบปิ๊กอัพระดับมืออาชีพจาก Seymour Duncan และสี Moonlight Drive Metallic แบบลิมิเต็ดที่เพิ่มทั้งบุคลิกและพลังเสียง


รายละเอียดโครงสร้าง วัสดุ และงานประกอบของ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster

     กีต้าร์รุ่นนี้ออกแบบอย่างละเอียดตั้งแต่บอดี้ถึงคอ บอดี้ไม้แอลเดอร์ให้โทนบาลานซ์ อบอุ่น เด้ง และน้ำหนักกำลังดี เหมาะกับการเล่นหลากสไตล์

กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster มุมตรงเต็มตัว สี Moonlight Drive บอร์ดโรสวูด ชุดปิ๊กอัพ HSS

     ผิวบอดี้เคลือบโพลีเอสเตอร์แบบเงา แข็งแรงทนรอย เช็ดทำความสะอาดง่าย คอไม้เมเปิลอบความร้อน (Roasted Maple) เพิ่มความเสถียร ลดโอกาสบิดงอ และช่วยให้โน้ตคมชัด ส่วนฟิงเกอร์บอร์ดไม้โรสวูดสัมผัสเนียนลื่น เหมาะกับการสไลด์และการดันสายที่ต้องการความแม่นยำ


จุดเด่นด้านระบบปิ๊กอัพและภาคไฟฟ้าของ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster

     หัวใจของเสียงอยู่ที่ชุดปิ๊กอัพ: ตำแหน่งบริดจ์ใช้ Seymour Duncan JB Model™ ให้โทนหนา คม และมีแรงปะทะ เหมาะทั้งริธึมและโซโล่

บอดี้สีน้ำเงินเมทัลลิก ปิคการ์ดขาว ชุดปิ๊กอัพ HSS พร้อมคันโยกเทรโมโลและปุ่มคอนโทรลครบ

     ตำแหน่งหน้าและกลางเป็นซิงเกิลคอยล์ Player Series Alnico 5 ให้ความใสแบบ Strat สลับคาแรกเตอร์ด้วยสวิตช์ 5 ทาง พร้อมปุ่มวอลลุ่มหลักและปุ่มโทน 2 ปุ่มที่ตอบสนองไว คุมไดนามิกได้ละเอียด


การออกแบบคอและฟิงเกอร์บอร์ดของ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster ที่รองรับการเล่นยาวนาน

     คอทรง Modern “C” จับถนัดมือทั้งคนมือเล็กและมือใหญ่ เรเดียสของฟิงเกอร์บอร์ด 9.5 นิ้ว จับคู่กับเฟรตขนาด Medium Jumbo ทำให้กดคอร์ดและโซโล่ได้ลื่นไหล ไม่เมื่อยง่าย

หัวกีต้าร์ไม้เมเปิลด้านหน้า อินเลย์จุด ฟิงเกอร์บอร์ดโทนเข้ม พร้อมลูกบิดวินเทจหกตัวเรียงแนวเดียว

     ขอบฟิงเกอร์บอร์ดเจียรมน (Rolled Edges) ให้สัมผัสละมุนเหมือนกีต้าร์ที่เซ็ตอัปมาอย่างดี เล่นนาน ๆ ก็ยังสบายมือ


ฮาร์ดแวร์และระบบเทรโมโลที่แม่นยำ

     ชุดฮาร์ดแวร์ถูกออกแบบมาให้เล่นได้มั่นคงในสถานการณ์จริง บริดจ์แบบ 2‑point synchronized เทรโมโล พร้อมแซดเดิลเหล็กพับ (Bent‑steel) ช่วยให้โยกคันโยกได้อย่างแม่นยำ — จะทำ Vibrato (โยกคันโยกสั้น ๆ เพื่อสั่นเสียง) หรือ ดรอปคันโยกลงลึก (เทคนิคที่หลายคนเรียกว่าไดฟ์บอมบ์) โทนยังคุมคีย์ได้ดีและคืนตำแหน่งเดิมง่าย


     ลูกบิดตั้งสาย Fender ClassicGear หมุนลื่นและล็อกคีย์นิ่ง ลดอาการสายเพี้ยนหลังดันสาย/โยกคันโยก เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการตั้งสายครั้งเดียวแล้วเล่นได้ยาวนาน

ด้านหลังหัวกีต้าร์ไม้เมเปิล โชว์ชุดลูกบิดวินเทจหกตัวและแนวลามิเนตตามยาวของคอ

ความพิเศษของรุ่น Moonlight Drive Limited Edition

     สิ่งที่ทำให้รุ่นนี้แตกต่างคือการเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มาพร้อมกับสี Moonlight Drive Metallic โทนสีน้ำเงินเข้มสะท้อนประกายหรูหรา ช่วยให้กีต้าร์ดูโดดเด่นบนเวทีได้อย่างไม่ซ้ำใคร นอกจากนี้ยังเป็นสีที่มีจำนวนจำกัด จึงเหมาะทั้งสำหรับนักดนตรีที่ต้องการเอกลักษณ์เฉพาะตัว และนักสะสมที่ต้องการความพิเศษในคอลเลกชัน

กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster มุมหลัง โชว์คอ Roasted Maple และฝาหลังช่องคันโยก

ใครเหมาะกับ Fender Player II Stratocaster

     กีต้าร์รุ่นนี้ออกแบบมาให้ครอบคลุมผู้เล่นหลายแนวเพลง ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีสายร็อกที่ชอบพลังเสียง Seymour Duncan นักบลูส์ที่ต้องการโทนใส หรือแม้แต่นักดนตรีป็อปที่เน้นความบาลานซ์


     สำหรับผู้ที่ต้องการกีต้าร์ไฟฟ้าที่มีมาตรฐานการผลิตระดับสากล พร้อมความยืดหยุ่นด้านเสียงที่ครอบคลุมหลายสไตล์ รุ่นนี้ถือเป็นคำตอบที่ครบถ้วน


เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นในไลน์ Player Series

     เมื่อเทียบกับ Player Series รุ่นมาตรฐาน Fender Player II Stratocaster Moonlight Drive Limited Edition จะได้ข้อได้เปรียบตรงที่มีปิ๊กอัพ Seymour Duncan JB ซึ่งให้พลังเสียงมากกว่า และการเลือกใช้ไม้ Roasted Maple สำหรับคอที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและโทนเสียงที่คมชัด


      หากคุณเป็นนักกีต้าร์ที่เน้นเสียงสไตล์ร็อกหรือเฮฟวี่ การเลือกรุ่นนี้จะตอบโจทย์มากกว่า แต่หากคุณชอบความใสบริสุทธิ์แบบ Strat ดั้งเดิม รุ่นมาตรฐานก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดี


กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster – การตั้งสวิตช์ 5 ทางให้ได้โทนที่ต้องการ

  • ตำแหน่ง 1 (บริดจ์/Bridge): โทนหนา คม ตัดผ่านมิกซ์ได้ดี เหมาะกับริฟฟ์ร็อก โซโลกดโน้ตเร็ว และจังหวะที่ต้องการความคม (ปลายแหลมชัด ฟังเด่น)
  • ตำแหน่ง 2 (บริดจ์+กลาง): โทน “Quacky” และ “Glassy” เหมาะกับ Funk/Pop และริธึมที่ต้องการไดนามิกสูง (คมชัดแต่ไม่บาดหู เล่นคอร์ดกรูฟดี)
  • ตำแหน่ง 3 (กลาง/Middle): โทนบาลานซ์ เหมาะกับเมโลดี้ที่ต้องการความชัด และการเก็บรายละเอียดการดีด (Articulation) ทั้งคลีนและไดรฟ์อ่อน ๆ
  • ตำแหน่ง 4 (กลาง+หน้า): โทนนุ่ม ใส มีอากาศ (Air) เหมาะกับ Arpeggio (อาร์เพจิโอ), Clean Ambient และคอร์ดกว้าง ๆ ที่ต้องการความโปร่ง
  • ตำแหน่ง 5 (หน้า/Neck): โทนอุ่น กลม เหมาะกับบลูส์ โซโล่ช้า ๆ และไลน์ที่ต้องการ Nuance (รายละเอียดไดนามิกเล็ก ๆ)
  • เคล็ดลับ: เริ่มด้วยวอลลุ่ม 7–8 แล้วค่อยดันขึ้นตอนท่อนฮุก (Hook) เพื่อเพิ่มพลังโดยไม่ต้องพึ่งเพดัลมากเกินไป และยังคุมไดนามิกได้ดี
  • การใช้โทนพอท (Tone Pot): ปิดโทนเล็กน้อยที่บริดจ์เพื่อลดความแหลมเมื่อใช้เสียงแตกแรง ๆ ให้กลมกลืนในมิกซ์ (Mix) และช่วยคุมความคมเวลาบันทึกเสียง


คลิป YouTube
เครดิต : Beh Ngiep Seng

กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster – คำแนะนำการจับคู่แอมป์และเอฟเฟคให้เข้าคาแรกเตอร์

  • แอมป์คลีนโทนใส (transparent clean): โชว์คาแรกเตอร์ของซิงเกิลคอยล์และฮัมบัคกิ้งได้ครบ เสียงใส รายละเอียดดี
  • แอมป์วินเทจสไตล์อเมริกัน: โทนปลายแหลมเป็นประกาย เหมาะกับตำแหน่ง 2/4 สำหรับริธึมแบบฟังก์และป็อป
  • แอมป์สไตล์บริติช: ย่านกลางหนา เหมาะกับบริดจ์ฮัมบัคกิ้งสำหรับร็อกคลาสสิกและโซโล่ที่ต้องการความพุ่ง
  • Overdrive/Distortion: ใช้โอเวอร์ไดรฟ์ดันย่านกลาง (mid) ก่อนเข้าดิสทอร์ชัน เพื่อเพิ่มซัสเทน (โน้ตยาวขึ้น) และทำให้เสียงกีต้าร์เด่นชัดในมิกซ์ ไม่ถูกเครื่องดนตรีอื่นกลบ
  • Compressor: ปรับให้ระดับเสียงสม่ำเสมอขึ้น (โน้ตเบาดังขึ้นเล็กน้อย โน้ตดังถูกลดลงเล็กน้อย) โดยเฉพาะตำแหน่ง 2/4 จะทำให้เสียงคลีนคมและแน่นขึ้น โดยไม่บีบอัดจนฟังอึดอัด
  • Delay/Reverb: ใช้ดีเลย์สั้นแบบ slapback (ดีเลย์เด้งครั้งเดียว เวลาประมาณ 80–120 ms) เพื่อเพิ่มมิติให้ริฟฟ์เร็ว ๆ และใช้รีเวิร์บเบา ๆ (ห้องเล็ก/plate ระดับต่ำ) เพื่อคงความชัดของโน้ต ไม่ให้เสียงมัวหรือถูกกลบ
  • EQ Tips: ลดย่านแหลมที่ 3–4 kHz เล็กน้อยเมื่อใช้เสียงแตกแรง ๆ เพื่อลดความแหลมบาดหู และเพิ่มย่านโลว์‑มิดประมาณ 250–400 Hz เพื่อให้เสียงหนาและมีเนื้อ (ปรับทีละนิดแล้วฟังเปรียบเทียบ)
  • ลำดับการต่อเอฟเฟค (แนะนำ): Tuner → Compressor → Overdrive → Distortion → Modulation → Delay → Reverb → Amp (ปรับตามรสนิยมได้)


การเลือกสายและการตั้งแอคชันสำหรับสไตล์การเล่นต่าง ๆ

  • เบอร์สาย .009–.042 (9–42): เบอร์เล็ก ดันสายง่าย เล่นเร็วสบาย โทนใส โปร่ง เหมาะกับป็อป/ร็อกสมัยใหม่ และผู้เริ่มต้นที่ต้องการความคล่องตัว
  • เบอร์สาย .010–.046 (10–46): หนึบขึ้น โทนอิ่ม แน่น และจูนเสถียรกว่า เหมาะกับริธึมหนัก ๆ หรือการจูนต่ำเล็กน้อย (เช่น ต่ำครึ่งเสียง/หนึ่งเสียง)
  • ความสูงสาย (Action): เริ่มจากระดับกลางเพื่อเลี่ยงเสียงสายชนเฟรต (เฟรตซ่า) แล้วค่อยปรับสูง/ต่ำตามแรงมือ ถ้าเกิดเสียงบัซให้ยกสูงขึ้นเล็กน้อยจนกว่าจะหาย
  • ความตรงของเสียง (Intonation): ใช้เครื่องตั้งสายเทียบ "เสียงเปล่า" กับ "เฟรต 12" หากเฟรต 12 สูง/ต่ำกว่าควรเลื่อนแซดเดิลไปด้านหน้า/ด้านหลัง ตรวจใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนเบอร์สายหรือปรับความสูงบริดจ์
  • สปริงเทรโมโล (Tremolo Springs): ถ้าใช้คันโยกบ่อยให้เพิ่มสปริงหรือขันให้แน่นขึ้นเพื่อลดการเพี้ยน แต่ถ้าต้องการคันโยกลื่น ๆ คลายสปริงหรือลดจำนวนสปริงลง
  • นัท (Nut) และจุดที่สายผ่าน: หยอดน้ำยาหล่อลื่นหรือตะไบเก็บรอยคมที่ร่องนัท ลูกกลิ้ง (string tree) และบริเวณบริดจ์ เพื่อลดความฝืดของสาย เวลาตั้งสายหรือใช้คันโยกจะเพี้ยนช้าลง
  • การเลือกสายตามแนวเพลง: คลีนใส/ฟังก์ → เบอร์เล็ก, ริธึมหนา/เมทัล → เบอร์กลางถึงใหญ่, นักโซโล่ที่ดันสายบ่อย → ลองสายผสม (Hybrid 9–46) ได้ความคล่องและความแน่นในชุดเดียว
  • เคล็ดลับสำหรับมือใหม่: เปลี่ยนสายทีละเส้น รักษาความยาวสายก่อนตัด ดึงสายเบา ๆ หลังใส่เพื่อให้เข้าที่ แล้วตั้งสายซ้ำ 2–3 รอบเพื่อความเสถียร


การดูแลรักษาและความทนทานของ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster ในระยะยาว

  • เช็ดสายและฟิงเกอร์บอร์ดหลังเล่นทุกครั้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ เพื่อลดคราบเหงื่อและยืดอายุสาย
  • ฟิงเกอร์บอร์ดไม้โรสวูด: ใช้น้ำมันบำรุงเฉพาะปีละ 1–2 ครั้ง เพื่อคงความชุ่มชื้นและลดโอกาสแตกร้าว
  • ตรวจสกรู/น็อตฮาร์ดแวร์เป็นระยะ โดยเฉพาะบริดจ์และลูกบิด เพื่อคงความนิ่งของการตั้งสาย
  • การเก็บรักษา: หลีกเลี่ยงแดดจัดและความชื้นสูง เก็บในเคสเมื่อไม่ใช้งาน เพื่อลดการบิดตัวของคอ
  • เปลี่ยนสายเมื่อโทนทึบ จูนไม่อยู่ หรือมีคราบสนิม เพื่อคงความเสถียรทั้งบนเวทีและในสตูดิโอ


เคล็ดลับงานสตูดิโอและเวทีจริง

  • ตำแหน่งไมค์ (Mic Placement): เริ่มวางไมค์ที่กึ่งกลางดอกลำโพงจะได้โทนใสคม แล้วค่อยเลื่อนไปทางขอบดอกลำโพงเพื่อให้หนาและอุ่นขึ้น ลองปรับระยะห่างราว 2–10 ซม. และเอียงไมค์เล็กน้อยถ้าอยากลดความแหลม
  • ลดเสียงรบกวน (Noise): ใช้สายสัญญาณคุณภาพดี แหล่งจ่ายไฟแบบ isolated power supply สำหรับเพดัล จัดระดับ gain staging ไม่ให้ตัวไหนแรงเกินไป และถ้าจำเป็นใช้ noise gate เบา ๆ เพื่อตัดเสียงฮัม
  • ดับเบิลแทร็ก (Double‑tracking): อัดริธึม สองครั้ง ให้เหมือนกันแล้วแพน ซ้าย/ขวา โดยใช้ตำแหน่ง 2 หรือ 4 เพื่อความโปร่ง จากนั้นอัดไลน์นำด้วยบริดจ์ฮัมบัคกิ้งไว้ ตรงกลาง จะได้มิกซ์ที่หนาและชัดเจน
  • ปรับความสูงปิ๊กอัพ (Pickup Height): หมุนสกรูขึ้น/ลงเพื่อให้ระดับเสียง หน้า‑กลาง‑หลัง ใกล้เคียงกัน ถ้าดังไปให้ลดลง ถ้าบางหรือเงียบให้ยกขึ้น ระวังอย่าให้ใกล้สายมากเกินไปเพราะแม่เหล็กจะดึงสายจนเสียงเพี้ยน
  • ไลฟ์โชว์ (Live Show): ตั้ง Presets บนเพดัลตามช่วงเพลง Intro / Verse / Hook / Solo ติดสติกเกอร์กำกับเอาไว้ และใช้ Tuner แบบปิดเสียง (mute) เพื่อตัดเสียงเวลาตั้งสายระหว่างโชว์


สรุปความน่าสนใจของ กีต้าร์ไฟฟ้า Fender Player II Stratocaster

     กีต้าร์ไฟฟ้ารุ่น Player II Stratocaster ของ Fender ในสี Moonlight Drive Limited Edition รวมดีไซน์ วัสดุ และพลังเสียงครบถ้วน เหมาะทั้งสำหรับการใช้งานจริงบนเวทีและผู้ที่ต้องการชิ้นสะสมคุณภาพ โดยยังคงจุดเด่นด้านความยืดหยุ่นของโทนเสียงและความเสถียรของฮาร์ดแวร์ ทำให้ตอบโจทย์ทั้งผู้เริ่มต้นที่ต้องการเครื่องมือไว้เติบโต และมืออาชีพที่ต้องการเสียงมาตรฐานไว้ใช้งาน


สนใจสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ที่ Lazada และ Shopee ได้เลยที่นี่


🛒สั่งซื้อได้ที่นี่

👉 Lazada > ดูรายละเอียดสินค้าใน Lazada

👉 Shopee > ดูรายละเอียดสินค้าใน Shopee


รีวิวโดย gooddymusic

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น